
สปสช.-รพ.เรือนจำบางขวาง-เทศบาลนครนนทบุรีใช้กลไก “กปท.” ดูแลผู้ต้องขังที่มีปัญหาด้านสายตา เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังให้ดีขึ้
เรือนจำกลางบางขวาง ใช้กลไก “กปท.” เทศบาลนครนนทบุรี ตรวจคัดกรองสุขภาพสายตาเชิงรุกแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางบางขวาง เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังให้ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ณ โรงพยาบาลเรือนจำบางขวาง จ.นนทบุรี ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นพ.สาธิต ทิมขำ ผู้อำนวยการเขต สปสช.เขต 4 สระบุรี ดร.ประพจน์ บุญมี ผู้อำนวยการกลุ่ม สปสช.เขต 4 สระบุรี และคณะเทศบาลนครนนทบุรี นายกสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ร่วมพิธีเปิดโครงการหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ ตรวจคัดกรองและแก้ไขความผิดปกติในการมองเห็นของผู้มีปัญหาด้านสายตา โดยมี นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง เป็นประธานเปิดโครงการ และคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเรือนจำบางขวาง พร้อมด้วยเทศบาลนครนนทบุรีร่วมกิจกรรม กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ต้องขังจำนวน 301 คนเข้าร่วมโครงการตรวจคัดกรองสายตา
นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง กล่าวว่า โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง ในปัจจุบันมีผู้ต้องขังชายภายในการดูแลของโรงพยาบาลเรือนจำฯ จำนวน 4,938 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 มีนาคม 2566) ซึ่งเรือนจำกลางบางขวางเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง ควบคุมผู้ต้องขังชายที่มีกำหนดโทษสูง ตั้งแต่ 15 ปี ถึงโทษประหารชีวิต ทำให้ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางบางขวางต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำเป็นเวลานาน จากวัยหนุ่มก้าวเข้าสู่วัยกลางคนและวัยผู้สูงอายุ และเมื่ออายุมากขึ้นส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพด้านดวงตา และอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาซึ่งส่วนสำคัญในการจัดการปัญหาสุขภาพดังกล่าวคือ การพัฒนาระบบบริการจัดการโรคทางตาให้มีคุณภาพ และมีการดำเนินงานที่ครอบคลุมเข้าถึงผู้ต้องขังทั้งกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยโรคทางตา
ทั้งนี้พบว่ามีผู้ต้องขังที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาและการมองเห็น จำนวน 301 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังที่มีสายตายาว จำนวน 173 คน สายตาสั้น จำนวน 128 คน ซึ่งตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ได้เน้นหลักการสร้างเสริมสุขภาพนำการรักษา อีกทั้งสนับสนุนการสร้างแนวนโยบายให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน รวมถึงให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กร หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเสริมสร้างสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาทางสายตา ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาทางสายตาให้กับผู้ต้องขังที่มีปัญหาด้านสายตา โรงพยาบาลเรือนจำฯ จึงจัดทำโครงการตรวจคัดกรองและแก้ไขความผิดปกติในการมองเห็นของผู้มีปัญหาด้านสายตา โดยวิธีการคัดกรอง ค้นหา และเลือกสรรผู้ที่มีปัญหาทางสายตาเพื่อให้ได้รับการบริการทางการแพทย์อย่างครอบคลุม และสามารถแก้ไขปัญหาทางสายตาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ทันท่วงที โดยรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) เทศบาลนครนนทบุรี
นางสาวพิมพรรณ ธนเดชากุล รอง นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี กล่าวว่า กปท.เทศบาลนครนนทบุรี ได้สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 108,150 บาท ตามหลักเกณฑ์การดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นเพื่อให้โรงพยาบาลเรือนจำบางขวางจัดกิจกรรมตรวจคัดกรองการมองเห็นของผู้ต้องขังในเรือนจำ จำนวน 301 คน ตั้งแต่การค้นหา ตรวจคัดกรอง หากพบความผิดปกติก็จะได้รับการส่งต่อเพื่อรักษาได้อย่างทันที ส่วนผู้มีปัญหาทางสายตาก็จะได้รับการแจกแว่นเพื่อให้มีคุณภาพที่ชีวิตทางการมองเห็นที่ดีขึ้น พร้อมทั้งกิจกรรมให้ความรู้แก่ผู้ที่มีปัญหาทางสายตาได้ทราบถึงวิธีการป้องกัน วิธีการถนอมสายตา การใช้แว่นตาและเก็บรักษาแว่นตาอย่างถูกวิธี
ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำถือเป็นกลุ่มเปราะบางในการเข้าถึงบริการสุขภาพ ด้วยข้อจำกัดที่ต้องได้รับการควบคุมตัวในเรือนจำ ทำให้การดูแลเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพ นอกจากการดำเนินงานในส่วนเรือนจำและสถานพยาบาลในเรือนจำที่ได้มีการจัดระบบการรักษาพยาบาลที่ดีแล้ว ยังต้องมีความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก เพื่อร่วมกันดูแลให้ผู้ต้องขังเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นให้ได้มากที่สุด รวมถึงบริการตรวจคัดกรองและแก้ไขปัญหาสายตาทีผิดปกตินี้ ซึ่งกิจกรรมมอบแว่นสายตาให้กับผู้ต้องขังในโครงการตรวจคัดกรองและแก้ไขความผิดปกติในการมองเห็นของผู้ต้องขังฯ ในวันนี้ นอกจากเป็นตัวอย่างของความร่วมมืออันดีระหว่างเรือนจำกลางบางขวางและเทศบาลนครนนทบุรีที่ตระหนักถึงสุขภาพของผู้ต้องขังแล้ว ยังเป็นแบบอย่างของการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น ในพื้นที่อื่นต่อไป
“วันนี้ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางบางขวาง 301 คน ที่มีความผิดปกติของสายตาจะได้รับมอบแว่นตาที่ช่วยให้สายตามกลับมามองเห็นได้ชัดเจน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเป็นงบประมาณสนับสนุนจาก กปท.เทศบาลนครนนทบุรี ทั้งนี้โครงการนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดความร่วมมืออันดีจากโรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวางที่เป็นผู้เสนอโครงการ และเทศบาลนครนนทบุรีที่มองเห็นและตระหนักต่อปัญหาสุขภาพของผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่นำมาสู่การขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมด้านสุขภาพในประเทศ” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
ทั้งนี้ นพ.สาธิต ทิมขำ ผู้อำนวยการเขต สปสช.เขต 4 สระบุรี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันในเขต 4 สระบุรีมีสถานพยาบาลเรือนจำ จำนวน 18 แห่ง ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำและรับส่งต่อทั่วไป 1 แห่ง คือสถานพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง และ 17 แห่ง เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ โดยแบ่งเป็น จ.นนทบุรี 2 แห่ง จ.นครนายก 1 แห่ง ปทุมธานี 6 แห่ง อยุธยา 4 แห่ง ลพบุรี 2 แห่ง สระบุรี 1 แห่ง และอ่างทอง 1 แห่ง จำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำภาพรวมประเทศ 260,810 คน ผู้ต้องขังในเรือนจำภาพรวมเขต 8 จังหวัด 29,367 คน (ข้อมูล ณ สิงหาคม 2566)
ในส่วนของภาพรวมการใช้กลไก “กปท.” ช่วยหนุนเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพด้านสายตา ภาพรวมประเทศ 190 โครงการ งบประมาณ 23.89 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการตรวจคัดกรอง 1.2 แสนคน ในเขต 4 ปี 2566 มีจำนวน 30 โครงการ คิดเป็นงบประมาณ 8.29 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการตรวจคัดกรอง 4.1 หมื่นคน ส่วนของจังหวัดนนทบุรี มีการดำเนินงาน 5 โครงการ งบประมาณ 1.38 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการตรวจคัดกรอง 6.9 พันคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรคทางสายตา ซึ่งมองว่ากลไก “กปท.” จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยหนุนเสริมระบบบริการสุขภาพให้ประชาชนเข้าถึงการคัดกรอง การส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี จากตัวอย่างของเทศบาลนครนนทบุรี ที่หนุนเสริมโรงพยาบาลเรือนจำบางขวาง ให้ผู้ต้องขังเข้าถึงการตรวจสายตามากขึ้น