31.8 C
Thailand
พฤหัส, กรกฎาคม 10, 2025
spot_img

ทพ.อรรถพร รองฯสปสช.เยี่ยมหน่วยนวัตกรรม จ.หนองบัวลำภู ติดตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เฟส 2 พบผู้มีสิทธิบัตรทองใช้บริการจำนวนมาก ย้ำประชาชนมีความพึงพอใจ หลังพบคลินิกกายภาพบำบัด และคลินิกทันตกรรมให้บริการดูแลประชาชนในพื้นที่ได้มาก

สปสช.ลงพื้นที่ นวัตกรรม คลินิกเติมบุญกายภาพบำบัด และโนนสังคลินิกทันตกรรม จ.หนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู “หน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่” ชี้ลดความแออัดในรพ. และประชาชนสะดวกรวดเร็ว เข้าถึงง่สย ใกล้บ้าน

ทพ.อรรถพร รองฯสปสช.เยี่ยมหน่วยนวัตกรรม จ.หนองบัวลำภู ติดตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เฟส 2 พบผู้มีสิทธิบัตรทองใช้บริการจำนวนมาก ย้ำประชาชนมีความพึงพอใจ หลังพบคลินิกกายภาพบำบัด และคลินิกทันตกรรมให้บริการเป็นหน่วยนวัตกรรมบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ พบ 2 เดือนดูแลประชาชนในพื้นที่ได้มาก ลดภาระงานในรพ. และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย ทพ.กวี วีระเศรษฐกุล ผู้อำนวยการเขต สปสช. เขต 8 อุดรธานี พญ.อรวรรณ นิมิตรวงศ์สกุล ผู้อำนวยการกลุ่มจังหวัด  สปสช.เขต 8 อุดรธานี  และ ทพญ.วรางคณา อินทโลหิต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และ พญ.วสุธา ศรีวรรณา แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูชำนาญการ รพ.หนองบัวลำภู ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน“หน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่” ตามนโยบาย “ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ระยะที่ 2 ในจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีนายปรมินทร์ อุ่นทะยา เจ้าของคลินิกกายภาพบำบัด สรุปภาพรวมของคลินิกกายภาพบำบัดเติมบุญ และทพ.นฤชิต ทองรุ่งเรืองชัย เจ้าของคลืนิคฌนนสังทันตกรรม

ทพ.อรรถพรกล่าวว่า “หน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่” ตามนโยบาย “ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ระยะที่ 2 ในจังหวัดหนองบัวลำภู จากที่ลงพื้นที่มีความประทับใจหน่วยบริการภาคเอกชนในที่เข้ามาเป็นหน่วยบริการเพื่อยกระดับ 30 บาทฯ แม้เป็นจังหวัดเล็กๆ มีประชากรทั้งหมดประมาณ  438,167  คน แต่ก็มีหน่วยบริการที่สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งประโยชน์ด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นจะตกกับประชาชนในพื้นที่ เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นและมีความสะดวกมากขึ้น สำหรับหน่วยบริการที่ลังเลเข้าร่วมโครงการฯ นั้น ในส่วนของการจ่ายชดเชยค่าบริการ  สปสช. ยืนยันแล้วว่าสามารถจ่ายได้ใน 3 วัน

“โครงการฯ นี้ ยังเป็นโอกาสในการแสดงบทบาทวิชาชีพในการรักษาผู้ป่วยให้มีอาการดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจนอกจากรายได้ที่ได้เสริมเพิ่มหลังเข้าร่วมโครงการ อย่างไรก็ตามในเฟส 2 พื้นที่ 8 จังหวัดพบว่า ทุกที่มีหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่มีความพร้อมแล้ว แต่สิ่งที่อยากเน้นย้ำคือขอหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ช่วยกันประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้กับประชาชนในพื้นที่ทราบมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด” รองเลขาธิการ สปสช.กล่าว

นายปรมินทร์กล่าวว่า   ต้องขอบคุณ และขอชื่นชมที่ทาง สปสช.ได้ให้โอกาสคลินิกได้เข้าร่วมมาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจ ขาดแคลนปัจจัย ให้สามารถเข้าถึงการบริการฟื้นฟูสุขภาพ ทำให้ผู้ป่วย ที่ได้รับการดูแลลดโอกาสการเป็นผู้พิการ    ได้มีโอกาสที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติหรือดีขึ้นกว่าเดิมมากในด้านข้อมูลต่างๆ มีระบบการเบิกจ่ายเงินชดเชยได้เร็ว ในฐานะเป็น 1 จังหวัด ใน 8 จังหวัด นำร่องคือจ่ายเงินรวดเร็ววันต่อวัน อย่างช้าสุดไม่เกิน 3 วัน อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกได้เข้าร่วมมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ดำเนินการมาแล้วประมาณ  1 ปี 8 เดือน” นายปรมินทร์ กล่าว

เจ้าของคลินิกกายภาพบำบัดฯ กล่าวว่าคนไข้ทั้งหมดเป็นคนไข้ของ สิทธิบัตรทอง ส่วนที่เหลือเป็นคนไข้ทั่วไปของคลินิก โดยแบ่งผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค ที่มารับบริการจากมากไปน้อยมีดังนี้   1.ผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง  2. ผู้ป่วยสะโพกหัก 3.ผู้ป่วยบาดเจ็บที่สมอง และ 4.ผู้ป่วยบาดเจ็บกระดูกสันหลัง ปัจจุบันมีคนไข้มาใช้บริการเฉลี่ย ประมาณ  8 – 10 คน ต่อ วัน

“ ขณะนี้พบว่ามีปัญหาการให้บริการในชุมชน คือ มีญาติและผู้ป่วยจะชอบมองว่าเราคือมิจฉาชีพซึ่งขณะนี้มีมิจฉาชีพเป็นจำนวนมาก ออกมาหลอกลวงชาวบ้าน และทุกคนได้รับข่าวสารจากสื่อต่างๆ ทำให้กลัว ไม่กล้ารับโทรศัพท์ไม่เชื่อถือเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ และขอฝากเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ให้เตรียมเอกสารหรือบัตรประจำตัว เพื่อแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง  ให้นักกายภาพของโรงพยาบาลแจ้งต่อคนไข้และญาติทุกครั้งก่อนจะจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล ว่าจะมีนักกายภาพจากสปสช.ออกไปเยี่ยมที่บ้าน วีดีโอตอบกับเจ้าหน้าที่ที่เคยทำกายภาพบำบัดคนไข้เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นมิจฉาชีพ ต้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อแผนกกายภาพของโรงพยาบาลและ รพสต.ทุกแห่ง เพื่อให้ประชาชนโทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ได้

“ขอบคุณสปสช.ที่จัดให้มีนวัตกรรมทางกายภาพบำบัดช่วยให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้เข้าถึงการรักษามีผู้ป่วยจำนวนมาก” เจ้าของคลินิกกายภาพบำบัดฯกล่าว

ด้านพี่โก๋ ณรงค์ศักดิ์ ดีมัย อายุ39 ปี อาชีพขับรถส่งพัสดุก่อสร้าง หลังนอนพักที่เขียงนา ตื่นขึ้นมามีอาการชา แขนซีกขวาอ่อนแรง มีเพื่อนมาช่วยพาไปรพ.หนองบัวลำภู หมอบอกว่า ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตก รักษาตัว 20 วันและทำกายภาพบำบัด เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเมื่อมีโครงการบัตรประชาชนใบเดียว ทางรพ.ส่งตัวกลับมารักษา คลินิกกายภาพบำบัดใกล้บ้านโดยใช้สิทธืบัตรทอง

“ หมอจากคลินิกกายภาพบำบัดเติมบุญ ลงไปเยี่ยมและสอนวิธีเดินจับราว และนัดมาที่คลินิก จากเดินไม่ได้ ขณะนี้เดินได้เกือบ100% ผมประทับใจ โครงการบัตรประชาชนฯ ประทับใจหมอ และสปสช.อย่างมาก ช่วยให้ผมกลับมาเดินได้” พี่โก๋บอก

จากนั้น คณะ ได้เดินทางไปลงพื้นที่ คลินิกโนนสังทันตกรรม อำเภอโนนสัง  จ.หนองบัวลำภู
ทพ.อรรถกล่าวว่า สปสช. ร่วมกับ 7 สภาวิชาชีพ และหน่วยบริการ ร่วมกันขับเคลื่อนการยกระดับ 30 บาท รักษาทุกโรค ตามนโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว โดยเร่งรัดการจัดให้มีหน่วยบริการนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้โดยง่ายและสะดวก ซึ่งการดำเนินงานนำร่องในระยะแรก 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส มีสถานพยาบาลเอกชนแต่ละวิชาชีพ (คลินิกเทคนิคการแพทย์  (แล็ป) คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลิติกกายภาพบำบัด คลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกเภสัชกรรม (ร้านยา) และคลินิกพยาบาลและผดุงครรภ์ ) เพิ่มมากขึ้น (ณ วันที่ 31ตุลาคม 2566 มีสถานพยาบาลทั้งหมด 1,474แห่ง เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการ จำนวน 469 แห่ง คิดเป็น ร้อยละ 31.82

รองเลขาธิการสปสช.กล่าวว่า ในระยะที่ 2เริ่ม มีนาคม 2567 ใน 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา หลังคิกออฟ (เริ่ม 1 มีนาคมที่ผ่านมา)  พบว่า   มีคลินิกทันตกรรมสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก  เรามีคลินิกทันตกรรมทั้งหมด 519 แห่ง ใน 12 จังหวัด ซึ่งเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 172 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 33  และมีการขึ้นทะเบียนอย่างต่อเนื่อง  ส่วนงบประมาณที่ใช้ไป  สปสช. จ่ายชดเชยให้คลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมโครงการฯไปแล้วกว่า  6,463,800 บาท จากจำนวนการให้บริการ 6,239 คน ให้บริการ 9,234 ครั้ง

“ขณะนี้มีหน่วยบริการหลายแห่งสนใจสมัครเข้าร่วมให้บริการ แต่ยังรู้สึกกังวลเรื่องทำข้อมูลเบิกจ่ายอยู่ อย่างไรก็ตาม สปสช. จะพยายามออกแบบการใช้งานที่สะดวกและเอื้อต่อหน่วยบริการให้มากที่สุด ซึ่งหน่วยบริการภาคเอกชนที่เข้ามาใหม่อาจไม่คุ้นชินและมีข้อเสนอที่ให้ สปสช. พัฒนา ซึ่งก็ยินดีที่จะรับข้อเสนอเล่านี้มาพัฒนาต่อไป”ทพ.อรรถพรกล่าวกล่าว

ทพ.นฤชิต ทองรุ่งเรืองชัย กล่าวว่า นโยบายบัตรประชาชนฯ เป็นนโยบายที่ดี เป็นประโยชน์ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงบริการทันตกรรมพื้นฐานที่จำเป็นมากขึ้น ช่วยลดความแออัดของ รพ.ของรัฐ ทั้งทันตแพทย์มากกว่าครึ่งอยู่ในระบบเอกชน ถ้าสามารถมาเข้าร่วมโครงการนี้ได้ จะเพิ่มการเข้าถึงบริการทันตกรรมของประชาชนได้อย่างชัดเจน ซึ่งทางคลินิกฯ ได้เข้าร่วมและให้บริการเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา

เจ้าของคลินิกทันตกรรมกล่าวว่า  ขณะนี้พบว่า ผู้มารับบริการสิทธิบัตรทองมาใช้บริการที่คลินิก โดยเฉลี่ย วันละ 1-3 คน ดูเหมือนยังน้อย เนื่องจากประชาชนเข้าใจว่า ต้องลงทะเบียนว่าต้องไปลงทะเบียน Health ID ก่อนถึงจะมารับบริการที่คลินิกได้  แต่เมื่อทางคลินิกแจ้งว่า รับบริการได้เลย ไม่ต้องเสียค่าบริการ ผลตอบรับดีขึ้น บอกว่า สะดวก รวดเร็ว บางส่วนก็ได้ไปแนะนำเพื่อนๆ คนรู้จัก คาดว่าจะมีผู้มารับบริการในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น  โดยเฉพาะให้บริการทันตกรรมพื้นฐาน ตรวจฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน เคลือบฟลูออไรด์ และ เคลือบหลุมร่องฟัน ตามที่สปสช. กำหนด.

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็นบทความ

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่
Captcha verification failed!
คะแนนผู้ใช้ captcha ล้มเหลว กรุณาติดต่อเรา!

- Advertisment -spot_img

บทความยอดนิยม

- Advertisment -spot_img

ความคิดเห็นล่าสุด

- Advertisment -spot_img