เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ทพ.สันติ ศิริวัฒนไพศาล ผู้อำนวยการ สปสช.เขต 2 พิษณุโลก ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงาน รพ.ท่าปลา อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง 40 กิโลเมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่ตามเชิงเขา จัดการระบบสุขภาพแนวใหม่ บริการผู้ป่วยในที่บ้าน (Hospital Care at Home) หรือ Home Ward ให้กับผู้ป่วยติดเตียง
โดยมี นพ.เบญจวุฒิ ครุฑเมือง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าปลา อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วย พญ.พัชราภรณ์ ปินตา แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว นายแพทย์ชำนาญการ และทีมสหวิชาชีพปฐมภูมิ ให้การต้อนรับ
นพ.เบญจวุฒิ ครุฑเมือง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าปลากล่าวว่า การดำเนินงาน รพ.ท่าปลา ที่จัดการระบบสุขภาพแนวใหม่ ให้บริการผู้ป่วยในจากอยู่ในรพ.ไปเป็นผู้ป่วยใน ที่บ้าน (Hospital Care at Home) หรือ Home Ward ให้กับผู้ป่วยติดเตียง เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายผู้ป่วย และครอบครัว การทำให้ผู้ป่วยหายหรือมีอาการดีขึ้นอยู่ที่สภาวะแวดล้อม จิตใจของผู้ป่วยเป็นหลัก การที่ผู้ป่วยนอนรพ.นานๆจิตใจหดหู่ และไม่มีความสุข โอกาสที่ติดเชื้อก็สูง การที่รพ.จัดระบบสุขภาพแนวใหม่ฯนั้น สามารถช่วยได้หลายๆด้านทั้งผู้ป่วย ญาติ เจ้าหน้าที่ รพ.ที่ได้ร่วมมือกันเข้ามาช่วยดูแลไม่ว่าภาครัฐ ภาคประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “ผมเชื่อว่าถ้าหลายพื้นที่ในประเทศไทยทำโดยสร้างการประสานงาน ความมั่นคงในการดูแลผู้ป่วยในที่บ้านจะสร้างความยั่งยืนและเป็นมิติใหม่ที่ช่วยลดความแออัดในรพ.ได้

ด้านพญ.พัชราภรณ์ ปินตา แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวนายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลท่าปลา กล่าวว่า สำหรับการดูแลผู้ป่วยนายนัส ศรีเขื่อนแก้ว เดิมอาชีพทำนา ป่วยเป็นสโตก และเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียงตั้งแต่ปี 2566 ด้วยโรคหมอนกระดูกทับเส้นประสาท เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลอยู่ตลอด ด้วยแผลกดทับมีภาวะติดเชื้อ เนื่องจากอยู่บ้านเพียงลำพังกับภรรยาที่มีภาวะอ่อนแรงด้านซ้ายจากโรคหลอดเลือดสมอง และมีลูกสาว1คน ทำงานอยู่ต่างจังหวัดสุโขทัยโดยจะแวะเวียนมาช่วยดูพ่อบ้าง เดิมผู้ป่วยนอนรักษารพ.นานเป็นเดือน ครอบครัวขาดรายได้เพราะต้องมาดูแล นาน ก็จะขอกลับบ้านปฎิเสธการรักษาอีกทั้งการเดินทางลำบากสุดท้ายก็ไม่มารักษาจนเป็นหนักมีการติดเชื้อรุนแรง

“ เมื่อสปสช.มีนโยบายสนับสนุนให้ทำ Home Ward จึงเข้าร่วมโครงการและให้การดูแลผู้ป่วยรายดังกล่าว โดยแพทย์เตรียมความพร้อมสอนการดูแลแผลกดทับให้กับญาติ/ผู้ดูแลก่อนจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน มีการติดตามอาการของผู้ป่วยเป็นระยะผ่านทางกลุ่มไลน์ หรือ telemedicine 1-2สัปดาห์ ทุกcase หากมีความจำเป็นก็จะติดตามอาการผู้ป่วยที่บ้าน เพื่อไม่ให้แผลกดทับลุกลาม ภายใต้มาตรฐานการดูแลที่ปลอดภัย ถูกต้องตามหลักวิชาชีพ มีการดูแลแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณของผู้ป่วยและครอบครัว”พญ.พัชราภรณ์กล่าว
สำหรับการดูแลผู้ป่วย Home Ward ของโรงพยาบาลท่าปลา ปีงบประมาณ 2567 – 2568 มีผู้ป่วยจำนวน 83 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเตียงมีแผลกดทับ และเป็นผู้สูงอายุ มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง อาการผู้ป่วยเหล่านี้ก็ดีขึ้น ถึงร้อย 88 และรพ.ได้เบิกชดเชยค่าบริการทางการแพทย์กับ สปสช. แล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 495,592 บาท
นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักบริบาล อสม. และ care giver ช่วยดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในชุมชนอีกด้วย
ด้านทพ.สันติ กล่าวว่า ต้องขอชื่นชม ที่รพ.ท่าปลา ให้การจัดการระบบสุขภาพแนวใหม่ บริการผู้ป่วยในที่บ้าน (Hospital Care at Home) หรือ Home Ward ให้กับผู้ป่วยติดเตียง และมีทีมสหวิชาชีพ care giver แบบองค์รวม
“บริการ Telemedicine ก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่เดินทางมาโรงพยาบาลลำบาก สปสช. คาดหวังให้โรงพยาบาลในแต่ละพื้นที่จัดบริการในลักษณะนี้ให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการแก่ประชาชนและลดความแออัด ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วย


จากนั้นคณะลงเยี่ยม นายนัส ศรีเขื่อนแก้ว อายุ 77 ปี ผู้ป่วยในของรพ.ท่าปลาที่อาการดีขึ้นและได้มารักษาต่อที่บ้าน โดยมีทีมสหวิชาชีพ care giver เข้ามาช่วยเหลือดูแลแบบองค์รวมตลอด

ทำให้นางสมควร อินตอง อายุ 54 ปี มาเยี่ยมพ่อ รู้สึกประทับใจที่เจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนเข้ามาช่วยเหลือดูแลพ่อ ช่วงแรกลำบากมา ตนก็ต้องทำมาหากินต่างจังหวัดเพื่อเอาเงินมาช่วยพ่อ พอพ่อป่วยผ่าตัดแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้นแขนขาก็อ่อนแรง เดินไม่ได้ พอดีมีเจ้าหน้าที่รพ.เข้ามาช่วยเหลือดูเรื่องแผลกดทับ พ่อก็ดีขึ้น ตอนพ่ออยู่รพ.ไม่ค่อยกินข้าว พอรักษาแล้วแผลกดทับดีขึ้นก็ให้พ่อมารักษาต่อที่บ้านซึ่งมีเจ้าหน้าที่เวียนกันมาดูแลพ่อทำแผลจนดีขึ้น ทำให้สบายใจ พ่อกินข้าวได้มาก ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เข้ามาช่วยเหลือเวลาพ่อต้องไปรพ.เทศบาลจะเอารถมารับพาไป



