31.2 C
Thailand
เสาร์, มิถุนายน 14, 2025
spot_img

สปสช.ชื่นชมโครงการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค“คนเมืองลุง เบาใจ ห่างไกล NCDs” จังหวัดพัทลุง (WIN-WIN Phat-long Model) ลดยา-หยุดยา ลดน้ำหนัก และ BMI ลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 1แสนบาท

สปสช.ลงพื้นที่เยี่ยมชม รพ.สต.บ้านทุ่งยาว รพ.สต.โคกชะงาย และเครือข่ายรพ.พัทลุง จัดกิจกรรมลด เบาหวาน ความดัน(NCDs) ตั้ง“คนต้นแบบ “พบ3 เดือน (มกราคม-มีนาคม2568) ชี้ลดยา-หยุดยา ลดน้ำหนัก และ BMI ลดค่าใช้จ่ายได้ กว่า 1แสนบาท สนับสนุนกปท.โคกชะงาย จ.พัทลุง” เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนในชุมชน

วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) พร้อมผู้บริหารสปสช.เขต 12 สงขลา ลงพื้นที่ รพ.สต.บ้านทุ่งยาว รพ.สต.โคกชะงาย และเครือข่ายรพ.พัทลุง และกปท.โคกชะงาย โดยมี พญ.เสริมศรี ปฐมพาณิชรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.พัทลุง และนพ.ธีรยุทธ์ คงทองสังข์ รองผอ.ด้านบริการปฐมภูมิ รพ.พัทลุง นพ.ณรากร พลูเกื้อ แพทย์เวชศาสตร์และพญ.พชรพรรณ บาลทิพย์ ศูนย์ฟื้นฟู ผู้สูงอายุ รพ.พัทลุง

พญ.เสริมศรี ปฐมพาณิชรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.พัทลุง กล่าวว่า ความมุ่งมั่นโรงพยาบาลพัทลุงต้องการลดผู้ป่วยเป็นโรคติดต่อไม่เรื้อรัง หรือ NCDs ได้แก่ เบาหวาน ความดัน นั้น เนื่องจากนโยยายผู้บริหารชัดเจน ว่าโรคเหล่านี้เป็นต้นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ เป็นต้น

รองผอ.พัทลุง กล่าวว่า การที่จะลดผู้ป่วยในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแต่ยังไม่เป็น ส่วนคนที่ป่วยแล้วทำอย่างไรให้เขาควบคุมได้ เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำคือ หน่วยปฐมภูมิรพ.สต.เข้าไปทำการคัดกรองกลุ่มคนที่เป็นโรคแล้วและกลุ่มคนที่เป็นและควบคุมโรคไม่ดี รพ.พัทลุงก็รับไม้ต่อ ในการให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควบคุมโรคได้ดีขึ้น

“เราทำทั้งเชิงรุกและเชิงรับ แนวโน้มกลุ่มเสี่ยงทางทีมเราก็ลงไปทำการคัดกรองและให้ประชาชนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การเป็นโรคน้อยลง โรคที่ควบคุมไม่ดีก็ดีขึ้น สามารถหยุดยาได้ เราเริ่มทำมาตั้งแต่ปี2565 จำนวนยังน้อยอยู่ ไม่ชัดเจนปีนี้เริ่มชัดเจนขึ้นสามารถหยุดยาได้ มีแนวโน้มลดลง ซึ่งเราตั้งเป้าไว้10%แต่ปีนี้เราจะขยายให้ลดลงมากกว่า10% มีโครงการ WIN-WIN Phat-long Model ซึ่งโครงการต่างๆที่ทำ เราใช้โครงการกลไก 3หมอถือว่ามีบทบาทสำคัญที่สุดในการลดผู้ป่วยเป็นNCDs หมอคนที่ 1 คือ อสม.1คนดูแล15ครอบครัว คัดกรองว่ากลุ่มไหนเป็นอยู่แล้ว กลุ่มไหนยังไม่เป็นแต่มีความเสี่ยง และกลุ่มเป็นแล้วควบคุมไม่ดี โครงการ3หมอนี้จะทำทะเบียนไว้ชัดเจน กลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่เป็นเข้าไปช่วยดูเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมพวกเขาว่าต้องทำอย่างไรควบคู่การออกกำลังกาย หมอคนที่2 คือ รพ.สต.ก็จะเข้าไปช่วยเหลือดูแล และกลุ่มที่3 รพ.พัทลุง จะเข้าไปทำการรักษากลุ่มนี้หากยังควบคุมโรคไม่ดี เราจะให้ทีมสหวิชาชีพเข้าไปดูเรื่องอาหารโภชนาการ บวกกับ การออกกำลังกาย การปรับตัวควบคู่กับการรับประทานยา

ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า ที่นี่มีความโดดเด่น จัดระบบการดูแลโรค NCDs โดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง มีเครือข่ายการทำงานเป็นทีม อีกทั้งมีผู้นำที่เข้มแข็ง รู้ว่าปัญหาคืออะไร จะแก้อย่างไร ด้วยวิธีไหน โดยมุ่งเน้นทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน ดูแลประชาชนร่วมกัน ทั้ง รพ.สต.ที่อยู่ในระบบและนอกระบบ โดยไม่มีการแบ่งแยกสังกัด สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกๆที่ได้

รองเลขาธิการสปสช. กล่าวต่อว่า ยังได้เน้นย้ำ การจัดการแก้ไขปัญหา NCDs ไม่ใช่แค่เรื่องทางการแพทย์อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของพฤติกรรมศาสตร์จะต้องใช้รัฐศาสตร์เข้ามาช่วย ฉะนั้นจึงเห็นความเข้มแข็งของทีม อสม. เห็นผู้นำที่เข้มแข็งสามารถรวมทีม และมองไปในทิศทางเดียวกัน เป็นหัวใจความสำเร็จของที่นี่ อีกทั้งยังมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ผู้ป่วยเบาหวานที่เข้าร่วมโครงการสามารถหยุดใช้ยา หรือลดยาได้แล้ว ด้วยวิธีการเช่นนี้เชื่อว่าในอนาคตจะเห็นความสำเร็จมากกว่านี้ ทั้งนี้ สปสช. พร้อมสนับสนุนงบประมาณทุกช่องทาง ในการขับเคลื่อนลดโรคNCDs อย่างเต็มที่

ในช่วงบ่ายได้ลงเยี่ยมบ้าน นางจินตนา อินปาน อายุ 52 ปี ป่วยเป็นเบาหวานที่ได้เข้าโครงการฯและสามารถลดยาเบาหวานได้จากเดิมที่ต้องกินหลายเม็ดเหลือเพียงเม็ดเดียว ซึ่งมีอาชีพเปิดร้านขายของที่บ้านพร้อมดูแลพ่อ นายเที่ยง วงศ์ช ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงจากที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จนสามารถลุกขึ้นเดินได้

บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisment -spot_img

บทความยอดนิยม

- Advertisment -spot_img

ความคิดเห็นล่าสุด

- Advertisment -spot_img