เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. พร้อมด้วย นพ.นพรัตน์ พันธุเศรษฐ์ ผอ.สปสช.เขต 8 อุดรธานี ลงพื้นที่เยี่ยมและรับฟัง พร้อมข้อเสนอแนะจากหน่วยบริการหน่วยไตเทียม ที่ คลินิกเวชกรรมรวมแพทย์หนองคาย จ.หนองคาย ซึ่งเป็นสถานพยาบาลเอกชนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HD) อย่างเป็นทางการในระบบ สปสช.แล้ว ซึ่งทำให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ได้รับการวินิจฉัยและมีข้อบ่งชี้ในการฟอกไตสามารถเข้ารับบริการได้ โดยใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวในการรับสิทธิรักษา
นพ.นฤพนธ์ ยุทธเกษมสันต์ ผู้อำนวยการ คลินิกเวชกรรมรวมแพทย์หนองคาย จ.หนองคาย ที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในหน่วยบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม(HD)ระบบ สปสช. กล่าวว่า เดิมคลินิกเวชกรรมรวมแพทย์หนองคาย เป็นรพ.โดยก่อตั้งเมื่อปี2542 และได้เปลี่ยนสถานะเป็นคลินิกเวชกรรมฯเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2568 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน ผู้ป่วยโรคไตวายระยะสุดท้ายที่มีบัตรทองสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดความแออัดของรพ.รัฐด้วย ก่อนที่ผู้ป่วยโรคไตวายจะมารับบริการต้องได้รับการคัดกรองจากโรงพยาบาลลหนองคายก่อนว่ามีคุณสมบัติ มีความพร้อมและเหมาะสมในการเข้ารับบริการ ปัจจุบันมีผู้เข้ามารับบริการประมาณ ร้อยกว่าราย โดยจะแบ่งเป็นรอบ ส่วนเรื่องของปัญหาอุปสรรคในการเบิกจ่ายกับสปสช.ยังไม่มี เพราะ สปสช.มีการเซ็ตระบบไว้ดีมาก หากทำถูกต้องตามระบบกติกาที่วางไว้ปัญหาก็ไม่เกิด ส่วนที่มีการเบิกล่าช้า ตนคิดว่าน่าจะเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลเอกสารในการเบิกจ่าย
ด้านนพ.พิสิฐ อินทรวงษ์โชติ หัวหน้าหน่วยไตเทียม อายุรแพทย์โรคไต กล่าวว่า คลินิกได้ขับเคลื่อนร่วมกับ สปสช.ในการให้บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง เพื่อกระจายผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ที่อาการไม่รุนแรงจาก รพ.หนองคาย มารับบริการฟอกไตที่ใกล้บ้านมากยิ่งขึ้น โดยคลินิกเวชกรรมรวมแพทย์หนองคาย ปัจจุบันมีผู้ป่วยสิทธิบัตรทองประมาณ 100 ราย ที่มารับบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่คลินิก และในอนาคตขยายไปสู่การให้บริการล้างไตผ่านทางช่องท้อง (CAPD)อีกด้วย
“ผมขอชื่นชมสปสช.ที่มีความยืดหยุ่น ให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้รับบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมนอกรพ.ของรัฐ แต่มีผู้ป่วยบางรายที่ไม่สะดวกล้างไตผ่านช่องท้องและเปลี่ยนมาใช้บริการฟอกเลือดฯซึ่งต้องมีการอุทธรณ์ ในช่วงของการอุทธรณ์ผู้ป่วยบางรายต้องสำรองจ่ายไปก่อน ผู้ป่วยบางคนยังพักรักษาตัวที่รพ.ออกมาไม่ได้ ผมอยากฝากให้ สปสช.มีความยืนหยุ่นและย่นระยะเวลาในการอนุมัติให้เร็วขึ้น” นพ.พิสิฐ กล่าว
ด้านทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า นโยบายฟอกไตฟรี ผู้ป่วยไม่เสียค่าใช้จ่ายถือเป็นนโยบายสำคัญ โดยผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ สามารถรับบริการบำบัดทดแทนไตตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการล้างไตผ่านทางช่องท้อง (CAPD) หรือ ฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม (HD) ในการที่ลงพื้นที่ คลินิกเวชกรรมรวมแพทย์หนองคาย จ.หนองคาย เพื่อรับทราบแนวทางการดำเนินงานปัญหาและอุปสรรค เพื่อนำไปปรับแก้ไขให้ถูกจุด สิ่งหนึ่งในการลงพื้นที่ คือต้องการเห็นการกระจายของหน่วยบริการอยู่ในทุกพื้นที่และใกล้บ้านประชาชน เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ด้านนพ.นพรัตน์ พันธุเศรษฐ์ ผอ. สปสช.เขต 8 อุดรธานี กล่าวว่า สปสช.เขต 8 ดำเนินการตามนโยบายและจัดหาหน่วยบริการที่เข้ามาร่วมในการจัดการบริการให้กับผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง เพื่อรองรับการกระจายตัวผู้ป่วยในเขตพื้นที่ ลดความแออัดใน รพ. และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยได้รับบริการที่ใกล้บ้านมากขึ้น
ช่วงบ่ายลงเยี่ยมบ้านผู้ป่วย นายอุทัย ศรีสุข อายุ 67 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่มารับบริการที่คลินิกเวชกรรมรวมแพทย์หนองคาย ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะเดินทางใกล้บ้านและขอขอบคุณ สปสช. และทีมแพทย์พยาบาล ของคลินิกเวชกรรมรวมแพทย์หนองคาย ที่มีโครงการฟอกไตฟรี เพราะหากไม่มีโครงการฯนี้มาช่วยเหลือ ตนคงจะต้องหมดตัว และอาจไม่มีชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ นโยบายฟอกไตฟรีทุกแห่งสำหรับผู้ป่วยบัตรทองพร้อมสนับสนุนคลินิกเวชกรรมที่มีศักยภาพเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมเพื่อขยายบริการฟอกไตให้เข้าถึงประชาชนได้สะดวกและใกล้บ้านมากขึ้นลดความแออัดในโรงพยาบาลและการเพิ่มของหน่วยบริการฟอกไตเทียมในระดับคลินิกเวชกรรมนี้ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญในการจัดบริการสาธารณสุขที่ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไกลหรือรอคิวนานที่โรงพยาบาลจังหวัด



