16 C
Thailand
พุธ, ธันวาคม 17, 2025
spot_img

อบจ.ชลบุรี จับมือ สปสช. และ BDI พัฒนา Health Data Hub เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพประชาชนในระบบบัตรทอง ผ่านระบบ Health Link พร้อมยกระดับบริการปฐมภูมิของ รพ.สต. 118 แห่ง ที่ถ่ายโอนไปอยู่อบจ.ชลบุรีครบ100%

อบจ.ชลบุรี จับมือ สปสช. และ BDI พัฒนา Health Data Hub เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพประชาชนในระบบบัตรทอง ผ่านระบบ Health Link เสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับประสิทธิภาพการจัดบริการปฐมภูมิของ รพ.สต. 118 แห่ง ที่ถ่ายโอนไปอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ครบ 100 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่  16 ธันวาคม 2568 ณ อบจ.ชลบุรี กระทรวงมหาดไทย (มท.) มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)  การบูรณาการข้อมูลด้านสุขภาพของประชาชน และพัฒนาระบบสารสนเทศร่วมกัน โดยมี องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่(องค์การมหาชน) หรือ BDI กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)

นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี  พร้อมด้วย นายแพทย์สินชัย ต่อวัฒนกิจกุลน รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)  นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. และ ศ.ดร.ธีรณี อจลากุล  ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI  ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) “การบูรณาการข้อมูลและพัฒนาระบบสารสนเทศร่วมกัน” เดินหน้าออกแบบและพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านสุขภาพ (Health Data Hub) เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพประชาชนในระบบบัตรทอง ผ่านระบบ Health Link ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)  ทั้ง 118  แห่ง  ที่รับถ่ายโอนมาอยู่ในสังกัด อบจ.ชลบุรี ครบ 100% ได้เข้าถึงข้อมูลสุขภาพ เพื่อใช้ในการวางแผน บริหารจัดการ ติดตาม และประเมินผลการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี  กล่าวว่า  Health Data Hub เป็นระบบฐานข้อมูลกลางด้านสุขภาพ  ที่จะเข้ามาช่วยเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการแบ่งปันผ่านระบบ Health Link  ซึ่ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี สามารถนำข้อมูลนี้มาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการ และ สนับสนุนทรัพยากรเพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีได้รับบริการอย่างครอบคลุมและมีคุณภาพ รวมทั้ง ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสถานพยาบาลในสังกัด อาทิ รพ.สต. ทั้ง 118 แห่ง สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อนำมาใช้ประกอบการรักษาพยาบาล ให้มีความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

นอกจากเป็นการยกระดับการให้บริการแล้ว  ยังสามารถต่อยอดการใช้ประโยชน์ของข้อมูล อาจเชื่อมโยงกับแอพลิเคชันหรือกิจกรรมอื่น ที่เป็นประโยชน์ด้านสาธารณสุขของประเทศ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ พีดีพีเอ 

“ในฐานะผมเป็นตัวแทนทุกอำเภอและมีรพ.สต.ในสังกัด 118 แห่ง ที่ได้ถ่ายโอน ครบ 100เปอร์เซ็นต์ ในการให้บริการดูแลสุขภาพของประชาชน ในทุกด้าน เพราะเรื่องของสุขภาพประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดขนาดใหญ่และยังเป็นเมืองของการท่องเที่ยว ปัจจุบันประชาชนที่มีทะเบียนบ้านในจังหวัดชลบุรี จำนวน 1.6 ล้านคนและยังมีประชาชนที่อยู่จังหวัดอื่นอีก 2 ล้านคน รวมแล้วจังหวัดชลบุรีมีประชากรประมาณ 3-4ล้านคน การให้ข้อมูลประชาชนถือมีความสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพหากมีการเชื่อมโยงกันได้รวดเร็วถูกต้อง ยังทำให้อบจ.ชลบุรีนำข้อมูลมาวางแผนดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับการบริการประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมและเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในจังหวัดชลบุรีในระยะยาวต่อไป ” นายวิทยา กล่าว

ด้านนายแพทย์สินชัย  ต่อวัฒนกิจกุลน  รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช. ) กล่าวว่า   การแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบ Health Link  สปสช. จะส่งมอบข้อมูลสุขภาพของประชาชนในระบบบัตรทอง ให้แก่ อบจ.ชลบุรี ผ่านระบบ Health Data Hub หรือช่องทางอื่น ที่มีความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานที่ตกลงร่วมกัน พร้อมยืนยัน ก่อนการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล ให้ อบจ.ชลบุรี ทาง สปสช.มีอำนาจตามกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ใน พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ครบถ้วนแล้ว

“การเชื่อมข้อมูลครั้งนี้เพื่อให้เวลามารักษาในรพ.จะได้เปิดดูข้อมูลว่าคนนั้นป่วยเป็นโรคอะไรมาก่อนจะได้รักษาได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น มีข้อมูลนี้แล้ว อบจ.จะได้สามารถนำข้อมูลส่วนนี้ไปวิเคราะห์สังเคราะห์เพื่อต่อยอดในการดูแลสุขภาพประชาชนอื่นๆได้ด้วยในการบริหารจัดการของผู้ป่วยจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้ในระบบภาวะปกติแม้แต่เกิดภัยพิบัติ เหตุการอพยพประชาชนเคลื่อนย้ายไม่สามารถไปรับบริการในหน่วยบริการที่เคยไปได้ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สามารถให้บริการประชาชนได้เต็มที และรักษาได้ตรงจุด เกิดความปลอดภัย มั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น ” นพ.สินชัย กล่าว

ด้าน ศ.ดร.ธีรณี อจลากุล  ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI  กล่าวว่า BDI พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ และสนับสนุน อบจ.ชลบุรี ในการพัฒนาระบบ Health Data Hub และสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการ การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ ที่ทันสมัยต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการให้ประชาชนในจังหวัดชลบุรีสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง รวมทั้งมีและใช้ข้อมูลแก้ปัญหาสาธารณสุขได้ตรงกับปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ระดับหมู่บ้าน ตำบลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้  โดยจะดำเนินงานภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับกิจกรรมในโครงการ Health Link  เช่น จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบ  แจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฯลฯ

หลังจากนั้น ลงพื้นที่ รพ.สต.อ่างศิลา โดย นางนภารัตน์ ธัญถิรโสภนากุล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ในฐานะ ผอ.รพ.สต.อ่างศิลาและ นายอดิศักดิ์ บุญพลอย  ให้ข้อมูลว่า ระบบ Health Link นี้สามารถ เชื่อมโยงได้ทั่วประเทศ โดยใน program จะมีประวัติการรักษา ยา หัตถการ ที่คนไข้ได้ใช้บริการซึ่งข้อมูลค่อนข้างเป็นปัจจุบัน โดยจะทราบข้อมูลแพทย์ พยาบาล ในการที่คนไข้เคยรับบริการมา

ด้านนางนภารัตน์ ธัญถิรโสภนากุล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ และ ผอ.รพ.สต.อ่างศิลา กล่าวเสริมว่า กรณีที่เป็น New case ที่มารับบริการไม่ต่อเนื่อง นอกพื้นที่ ไม่มียาเดิม ไม่ทราบชื่อยา แต่ถ้าเข้าระบบ Health Link จะเห็นความต่อเนื่อง แพทย์ พยาบาล สามารถดูข้อมูลผู้ป่วยที่มารับบริการว่าเคยรักษาที่ไหน ได้เชื่อว่าระบบนี้มีประโยชน์ต่อประชาชนที่มารับบริการอย่างมาก และเชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลผู้มารับบริการปลอดภัยแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisment -spot_img

บทความยอดนิยม

- Advertisment -spot_img

ความคิดเห็นล่าสุด

- Advertisment -spot_img