เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ที่องค์ดารบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อบจ.สุราษฎร์ธานี) คณะผู้บริหารสปสช.ส่วนกลางและสปสช.ทั้ง13 เขต ลงพื้นที่ รพ.สต.บางไทร จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมเสริมพลังการดำเนินงาน กองทุนหลักประกันสุขภาพจังหวัด(อบจ.) และการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.บางไทร ที่ยกระดับเป็นรพ.เฉพาะแพทย์แผนไทย เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมี ดร.ธนาคม รื่นพานิช รองนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี นายอภิเดช พรหมคุ้ม สาธารณสุขอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และ คณะสรุปผลการดำเนินงานและทิศทางในปี 2569
ดร.ธนาคม รื่นพานิช รองนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากที่ อบจ. สุราษฎร์ธานี ได้รับการถ่ายโอน รพ.สต.ในพื้นที่มากกว่า 99 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นงานใหม่และท้าทายของท้องถิ่นเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความตั้งใจของส่วนท้องถิ่น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข อบจ. จึงเข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อนเติมเต็มไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลากรและงบประมาณ และโครงสร้างการบริหารงานด้วย
“จริงๆแล้วแพทย์แผนไทยไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่หากท่ีการเจ็บป่วยเล็กน้อยช่วยได้แต่คนยังไม่เข้าใจ และมีการใช้จ่ายงบแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์มากมาย ในส่วนนี้ทางอบจ.มีการส่งเสริมเพิ่มขึ้นเช่นการตรวจชีพจรพิสูจน์โรคก่อนจ่ายยา อีกทั้งทำให้รู้ว่าขาดธาตุอะไรและเป็นต้นเหตุการเกิดโรค ผสมผสานกับการรักษาควบคู่แพทย์แผนปัจจุบัน” ดร.ธนาคม กล่าวว่า
ด้านนางเรณู แขอุดม ผอ.รพ.สต บางไทร กล่าวว่า รพ.สต.บางไทร เป็น รพ.สต.ถ่ายโอนรุ่นแรกตั้งแต่ปี 2566 มีจุดเด่นคือให้บริการแพทย์แผนไทย แต่ด้วย ที่นี่เป็นหน่วยบริการขนาดเล็ก มีประชากรในพื้นที่ 1,800 คน แต่มีผู้ป่วยมารับบริการมากกว่า 10,000 คน จึงได้มีการพัฒนาด้านแพทย์แผนไทยอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นพื้นที่ต้นแบบและในอนาคตมุ่งสู่การเป็น รพ.แพทย์แผนไทยบางไทร อโรคยา คาดว่าในปี 2572 รพ.สต.บางไทร ก็จะยกระดับเป็นรพ.เฉพาะแพทย์แผนไทยได้
“รพ.สต.บางไทร เราเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก มีประชากรในพื้นที่ทั้งหมด 1,776 คน มีผู้ป่วยนอก OPD จำนวน 10,700 คน แต่ละวันจะมีผู้มารับบริการ 20 คน สามารถรองรับบริการพื้นฐานต่อวันได้มากกว่า 100 คนโดยร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยที่มารับบริการทางแพทย์แผนไทย ซึ่งเน้นบริการอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน ผสานศาสตร์การแพทย์แผนไทย เพื่อการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนอย่างยืน โดยเรามีคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย ,บางไทร อโรคยา คลินิกการแพทย์แผนไทยครบวงจร”นางเรณู กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังมีวิสาหกิจชุมชนรักษ์สมุนไพรตำบลบางไทร มีผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนถึง 25 รายการ อาทิ สบู่เหลว 3 สมุนไพร, เซรั่ม, โลชั่น,ยาดมสมุนไพร ฯลฯ
ด้านทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า จุดเด่นของ รพ.สต.บางไทร คือให้การรักษาโดยใช้แพทย์แผนไทยเป็นทางเลือกแรก ด้วยการจับชีพจร ดูธาตุต่างๆในร่างกาย และจ่ายยาแผนไทยตามอาการที่เป็น และ 80% ของการรักษาใช้แพทย์แผนไทยทั้งหมด เชื่อว่าสิ่งที่ รพ.สต.บางไทร ทำนั้นเกิดประโยชน์ต่อคนในชุมชน และการใช้ยาแผนไทยทาง รพ.สต.ก็ใช้สมุนไพรในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนอีกด้วย
“ช่วงถ่ายโอนใหม่ๆ มีคำถามเยอะมากว่าถ่ายโอนแล้วจะรอดหรือไม่ จะพัฒนาอย่างไร วันนี้คำตอบชัด แม้ด้านสาธารณสุขได้กระจายมาที่รพ.สต.เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ดังนั้นวันนี้มาเรียนรู้ว่ารพ.สต.บางไทรทำอย่างไรเกี่ยวกับแผนไทยถึงประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญในปีที่ผ่านมาที่นำยาแผนไทยมาใช้ แล้วลดการใช้ยาแผนปัจจุบันได้” ทพ.อรรถพร รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า
หลังจากนั้น คณะฯลงเยี่ยมรับและรับฟัง นโนยบาย กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเยี่ยมชมเสริมพลังเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีที่ได้ตั้งศูนย์ธาราบำบัดแห่งที่ 4 ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “ศูนย์ธาราบำบัด” เพื่อให้บริการฟื้นฟูสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมีนายหัสชัย เรืองนุ้ย รองนายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี พร้อมให้การต้อนรับและอธิบายข้อมูลของศูนย์ฯแห่งนี้
จากนั้นเยี่ยมชม ทพ.อรรถพร และคณะผู้บริหารทั้13เขต ได้เยี่ยมชมศูนย์ธาราบำบัด เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี โดยทพ.อรรถพร กล่าเพิ่มเติมว่า สปสช.ได้ทำงานร่วมกับท้องถิ่นในหลายเรื่อง และการได้มาดูศูนย์ธาราบำบัด และกองทุนฟื้นฟูของอบจ. สุราษฎร์ธานี ได้เห็นทิศทางการทำงานที่ดี และเห็นเรื่องประกาศ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ซึ่งพบว่าบางข้อทำให้พื้นที่ทำงานยาก ทางสปสช.ก็จะนำไปปรับให้ ส่วนทิศทางการทำงานอื่นได้เห็นความเชื่อมโยงในมิติต่างๆ และมีส่วนร่วมในการทำงานมากยิ่งขึ้น
