23.1 C
Thailand
อังคาร, พฤศจิกายน 4, 2025
spot_img

“พัฒนา” จับมือ สธ. สปสช. แถลงทำงานร่วมกัน ยุติขัดแย้ง งบปี 68 ได้ข้อสรุปแล้วตามมติ บอร์ด สปสช.

พัฒนาแถลงหลังประชุมบอร์ด สธ. สปสช. เดินหน้าทำงานร่วมกัน เชื่อมติบอร์ดวันนี้ ความขัดแย้งจะยุติลง งบผู้ป่วยในปี 68 ได้ข้อสรุปแล้ว ปี 69 เดินหน้าบริหารร่วมกัน ปี 70 ร่วมกันจัดทำคำของบประมาณให้เพียงพอ ให้คำมั่นประชาชนไม่ต้องกังวล 30 บาทรักษาทุกที่เดินหน้าต่อ ระบบบัตรทองไม่มีล้มไปต่ออย่างยั่งยืน ไม่มีร่วมจ่าย รัฐบาลดูแลเพื่อประชาชนมีสุขภาพดี

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เป็นประธานแถลงข่าวร่วมกับ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. แนวทางการแก้ไขปัญหางบกองทุนผู้ป่วยในร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังประชุมบอร์ด สปสช.

นายพัฒนา กล่าวว่า การประชุมบอร์ด สปสช. ในวันนี้ มีวาระที่หารือเพื่อแก้ปัญหางบผู้ป่วยในไม่เพียงพอคือ แนวทางการแก้ไขปัญหางบกองทุนผู้ป่วยในร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และแนวทางการจ่ายค่าบริการสาธารณสุขล่วงหน้าเพื่อเสริมสภาพคล่องของโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

“แนวทางแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ ผ่านการหารือระหว่าง สปสช. และ สธ. รวมถึงชมรมโรงพยาบาลในระดับต่างๆ แล้ว ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องด้วยกัน ผมได้กำชับให้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด สธ. และ สปสช. ต้องรู้ข้อมูลเท่ากัน เพื่อให้การทำงานกับผู้ป่วยเกิดประโยชน์สูงสุด ผมเชื่อมั่นว่า มติบอร์ด สปสช.ที่ออกมาวันนี้ จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกันในครั้งนี้คลี่คลายและยุติลง จับมือเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป มีการแก้ไขปัญหาร่วมกัน รัฐบาลขอยืนยันว่า 30 บาทรักษาทุกที่ หรือสิทธิบัตรทองของผู้ป่วยยังเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่มีใครล้มระบบ และไม่มีประเด็นให้ผู้ป่วยต้องร่วมจ่ายเพราะงบประมาณไม่เพียงพออย่างแน่นอน ความคิดเห็นและข้อเสนอต่างๆ ขณะนี้ล้วนเป็นไปเพื่อต้องการให้ระบบดีขึ้น และทั้ง สธ. และ สปสช. ก็ปรับปรุงแก้ไขเพื่อทำให้ระบบดีขึ้น ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล การบริการต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรับทราบและติดตามการแก้ไขปัญหาอยู่ตลอด ขอให้ทุกคนมั่นใจได้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ด้าน นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สธ. และ สปสช. ได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ผ่านการหารือกับชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน รวมถึงกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ จนนำมาสู่แนวทางที่เสนอบอร์ด สปสช. พิจารณาในวันนี้ โดยในส่วนงบประมาณผู้ป่วยในปี 2568 ได้ข้อยุติแล้ว จากนี้ สธ. และ สปสช. จะเดินหน้าบริหารการจัดสรรงบประมาณปี 2569 ให้กับหน่วยบริการสังกัด สป.สธ. ร่วมกันต่อไป โดยค่าบริการผู้ป่วยใน ยังคงอัตราจ่าย 8,350 บาทต่อ AdjRW ทั้งปี รวมทั้งร่วมกันบริหารงบประมาณกองทุน จำนวน 5 หมวด ได้แก่ บริการผู้ป่วยนอก (OP) บริการผู้ป่วยใน (IP) บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค (PP basic service) การจ่ายตามรายการ Fee schedule และการบริหารแบบโครงการ โดยยึดหลักการให้ความสำคัญกับการจ่ายค่าบริการผู้ป่วยในให้เพียงพอ และพิจารณาลดรายการบริการที่ไม่จำเป็น

นพ.สมฤกษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการหักเงินเดือนบุคลากรภาครัฐสังกัด สป.สธ.นั้น ในปี 2569 กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพได้จัดทำข้อเสนอประกอบพิจารณาแยกเงินเดือนบุคลากรภาครัฐสังกัด สป.สธ. ออกมาในภาพรวม จากเดิมที่แยกเงินเดือนเป็นแต่ละหน่วยบริการ เพื่อให้เห็นงบค่าบริการสาธารณสุขที่เหลือจริงหลังจากหักเงินเดือน และเป็นข้อมูลให้ สธ. บริหารการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยบริการภายใต้เครือข่ายหน่วยบริการประจำ นอกจากนั้น สธ. จะร่วมกับ สปสช. จัดระบบการกำกับติดตาม ตรวจสอบเวชระเบียนการให้บริการผู้ป่วยในของหน่วยบริการทุกแห่งให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเสนอของบประมาณเพิ่มเติมตามความเหมาะสมในกรณีที่มีการให้บริการเกินกว่าเป้าหมายที่ได้รับงบประมาณ

ขณะที่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า จากมติบอร์ด สปสช. ในวันนี้ หลังจากนี้ สปสช. จะเดินหน้าบริหารกองทุนร่วมกับกับ สธ. โดยในส่วนของปี 2568 และปี 2569 มีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าวไปแล้ว ในส่วนของการจัดทำคำของบประมาณปี 2570 นั้น สธ. และ สปสช. จะร่วมกันจัดทำข้อมูลประมาณการผลงานให้บริการผู้ป่วยในรายหน่วยบริการในภาพรวมทุกสังกัด และมีการแยกกลุ่มบริการให้ชัดเจน รวมทั้งพิจารณาอัตราการเติบโตการให้บริการของปีงบประมาณ 2569 สำหรับการคำนวณวงเงินปลายปิดรายเขตเพื่อประกอบการจัดทำคำของบประมาณปี 2570 ให้เพียงพอ หลังจากนี้จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง สธ. สปสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันจัดทำต้นทุนบริการที่เหมาะสมในการจัดทำงบประมาณปีถัดไป และใช้สำหรับการประกอบการทำคำของบกลาง

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้หน่วยบริการนั้น จากการหารือร่วมกัน สปสช.ได้โอนงบค่าบริการผู้ป่วยนอก (OP) และค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค (PP) ในปีงบประมาณ 2569 สำหรับหน่วยบริการสังกัด สป.สธ. สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติและ รพ.สต.ถ่ายโอนฯ ร้อยละ 50 ให้กับหน่วยบริการไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา

“สปสช. ขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานต่างๆ และทุกความเห็นที่เสนอเรื่องการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หลังจากนี้ขอยืนยันว่าจะทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่ท่านรัฐมนตรีได้กำชับไว้ เพื่อให้หน่วยบริการได้บริการสาธารณสุขตามสิทธิแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
1.สายด่วน สปสช. 1330
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://www.facebook.com/NHSO.Thailand

บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisment -spot_img

บทความยอดนิยม

- Advertisment -spot_img

ความคิดเห็นล่าสุด

- Advertisment -spot_img