เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 น.ส.สุจิตรา สังข์เพชร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ในฐานะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)บ้านเชี่ยวหลาน-ไกรสร อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี รายงานผลการดำเนินงาน
”การจัดบริการ “NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หายได้ ที่เชี่ยวหลาน“ด้วยการจับมือกับ ท้องถิ่น ได้แก่ สาธารณสุขอำเภอ สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานี และ 16 ภาคีเครือข่าย ด้วยการใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น(กปท.)การจัดหาซื้ออุปกรณ์ เครื่องวัดความดันฯ เครื่องตรวจเจาะน้ำตาล เครื่อวิเคราะห์ชั่งน้ำหนักและวัดมวลกล้ามเนื้อ และนาฬิการสุขภาพ โดยการตั้งเป้า ลดยา หยุดยา และหายได้ ด้วยการ สกัดกลุ่มเสี่ยงไม่ให้กลายผู้ป่วยรายใหม่ และตั้งศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs ตำบลเขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะมี อสม. ให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ค้นหากลุ่มเสี่ยง ให้คำแนะนำสัดส่วนการบริโภคที่เหมาะสม เรียนรู้การกิน การนับคาร์บต้านNCDs
น.ส.สุจิตรา ผอ.รพ.สต.บ้านเชี่ยวหลาน-ไกรสร เล่าว่า ที่นี่บูรณาการการทำงานมาจากนโยบายของจ.สุราษฎร์ธานี ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ให้สามารถลดยา หยุดยา และหายได้จากโรงพยาบาล พร้อมส่งต่อความสำเร็จ กระบวนการรักษาและการจัดการสุขภาพรายบุคคลจากโรงพยาบาล มาสู่ รพ.สต. รวมทั้งติดอาวุธให้ผู้ป่วย ผ่านเทคโนโลยี Smart NCDs ให้ผู้ป่วยเรียนรู้และวางเป้าหมายไปสู่การลดยาหยุดยาและหายได้ จากนั้นขยายความสำเร็จไปสู่ครอบครัวและชุมชน ให้ทุกช่วงวัยได้เข้าสู่การคัดกรองสุขภาพ เรียนรู้ตัวเลข ค่าเป้าหมาย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ชุมชน โดยมี อสม.ช่วยดูแล มีการออกกำลังกาย มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี
ทั้งนี้ ยังมีการออกแบบการดูแลกลุ่มผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ ตามแนวทางป้องกันกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วยรายใหม่ ด้วยการมีคลินิก Prevention Clinic ใน รพ.สต.หรือกลุ่มเสี่ยงแต่ยังไม่เป็นในการช่วยดูแลตั้งแต่ต้นน้ำคือ คนปกติ กลางน้ำกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้เกิดผู้ป่วยรายใหม่ และปลายน้ำคือเป็นแล้ว หรือเรียกว่า Remission Clinic ให้สามารถรักษาหาย ทำให้ควบคุมโรค NCDs ได้ โดยปีนี้(2567-2568) มีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้มากขึ้น มีผู้ป่วยรายใหม่น้อยลงเหลือแค่ 3 ราย และมีผู้ป่วยเบาหวานหายได้ 6 ราย จากที่มีทั้งหมด 27 ราย ส่วนผู้ป่วยความดันหายได้ 17 ราย จากที่มี 72ราย
ด้าน นายวินัย อินทร์ชนะ สาธารณสุขอำเภอบ้านตาขุน กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ลดโรคNCDs เน้นการดูแลผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ เชื่อมโยงนโยบายทุกระดับมาสู่พื้นที่ ผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับทุกภาคส่วนที่ออกแบบการทำงานร่วมกันภายใต้การอุดหนุนงบจากกองทุน กปท. /ท้องถิ่น /และภาคเอกชน โดยมี Remission Clinic และ Prevention Clinic ในทุก รพ.สต. และมุ่งเน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนป่วย ด้วยโมเดลตำบลสุขภาวะ 5 อ. ได้แก่ อาหาร ,ออกกำลังกาย,อโรคยา,อุบัติเหตุ และ สิ่งแวดล้อม รวมถึงอีกหลายมาตรการร่วมกัน ตั้งเป้าปลอดโรค NCDs ให้ได้ในปี 2570
ด้านนายเชาวลิต ช่วยสงค์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเชี่ยวหลาน กล่าวว่า นี่เป็นหนึ่งในหลายบริการ ที่เครือข่ายสุขภาพในพื้นที่ ร่วมกับท้องถิ่นและทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนเชิงรุกให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี และปลอดจากโรคNCDs ในปี2570 โดยในปีหน้าจะจัดตั้งศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs เพิ่ม ให้มีครบในทุกชุมชน เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ให้น้อยลง ทั้งนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้เทศบาลจะมีข้อจำกัดทั้งเรื่องงบและบุคลากร แต่ก็ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชน ทุ่มงบเกือบ 30 ล้านบาท บูรณาการร่วมกับงบจากกองทุน กปท. ที่ท้องถิ่นอุดหนุนร่วมกับ สปสช.จัดบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในทุกมิติในหลากหลายโครงการ พร้อมจัดสิ่งแวดล้อมและสถานที่ให้เอื้อต่อการออกกำลังกายทุกประเภท เพื่อทำให้เชี่ยวหลานเป็นเมืองสุขภาวะ
ด้าน นายเชาวลิต ลิบน้อย รักษาการ ผอ. สปสช.เขต11 สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ที่รพ.สต.เชี่ยวหลาน-ไกรสรโดดเด่น มีเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็งในการจัดการโรค NCDs ร่วมกัน และนำงบจากกองทุน กปท. มาจัดบริการเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึง สามารถเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆได้
จากนั้นช่วงบ่ายลงพื้นดูกิจกรรม “ศูนย์คนไทยห่างไกลโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี” ที่ศาลาหมู่ 5 จะมี อสม. มาคอยให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ค้นหากลุ่มเสี่ยง พร้อมให้คำแนะนำสัดส่วนการบริโภคที่เหมาะสม เรียนรู้การกิน การนับคาร์บต้านNCDs การออกกำลังกาย เช็กสุขภาพจิต และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมกับตัวเอง ให้กับชาวบ้านในชุมชนและกลุ่มเสี่ยง ได้เข้าถึงบริการที่สะดวกมากขึ้น โดยจัดเดือนละครั้ง
รวมทั้งยังได้เยี่ยมบ้าน นางสง่า ผาสุก อายุ 64 ปี ป่วยเป็นเบาหวาน ไขมันในเลือด มาตั้งแต่ปี 2563 มีสมุดบันทึกตัวเลข ความดัน และตัวเลขค่าน้ำตาลในเลือด ที่รพ.มีการให้อุปกรณ์มาใช้ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องวัดความดัน เครื่องเจาะน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง การใช้นาฬิกาสุขภาพ จนปัจจุบันเหลือแค่ เบาหวาน ไขมัน ความดันไม่มี
ต่อมาเดินทางไปบ้านนางอารีย์ ช่วยสงค์ อายุ 64 ปี เป็นอสม. ซึ่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยงการเกิดโรค NCDs เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินอาหาร จากการปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินเอง เมื่อประมาณ2 ปีที่แล้วไปตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบว่ามีอัตราเสี่ยงเป็นโรค NCDs ขณะนั้นน้ำหนักอยู่ที่ 59 กิโลกรัม ปัจจุบันลดลงเหลือ 54 กิโลกรัมแล้วรู้สึกว่ามีสุขภาพดีขึ้น