มูลนิธิทันตสาธารณสุข ฟันดีดี เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เยี่ยมชมการจัดบริการทันตกรรม ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ภายใต้โครงการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านทันตสุขภาพเพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดีของกลุ่มวัยทำงานในสถานประกอบการ โดยใช้รถทันตกรรมเคลื่อนที่ของสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ให้บริการเข้าถึงกลุ่มวัยทำงาน ทั้งรัฐและเอกชน ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่จ.ศรีสะเกษ และบริษัทในเครือโคว้ทองอยู่และทองอยู่โฮลดิ้ง จ.ศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 24-25 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา
การจัดบริการทันตกรรม กลุ่มวัยทำงาน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ถือเป็นต้นแบบที่ดี ที่ประชาชนในกลุ่มวัยทำงานที่อายุ 15-59 ปี มีอยู่ร้อยละ 66 ของประชากรในจังหวัดศรีสะเกษที่มีอยู่ 1,450,333 คน ข้อมูลประชากรกระทรวงมหาดไทยเมื่อปี2566 ได้เข้าถึงบริการตามสิทธิง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว ไม่เสียงานและยังเห็นความสำคัญเรื่องของสุขภาพช่องปากตนเองอีกด้วย
การเยี่ยมชมครั้งนี้มี ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพช่องปากเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการตามสิทธิในกลุ่มวัยทำงาน สสส. และทพญ.นันท์มนัส แย้มบุตร รองผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน สสส.ลงพื้นที่ดูการให้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ของสสจ.ศรีสะเกษที่มี นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ทพ.ชาญชัย ศานติพิพัฒน์ หรือ “หมอจุ่น” ทันตแพทย์เชี่ยวชาญหัวหน้ากลุ่มงานทันตสาธารณสุข ผู้ขับเคลื่อนงาน รวมถึง นายทวีศักดิ์ ทรงอยู่ รองผวจ.ศรีสะเกษ ดูแลงานด้านสาธารณสุข ให้การต้อนรับ
ทพญ.นันท์มนัส แย้มบุตร รองผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวถึงการลงพื้นที่ครั้งนี้เห็นว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานภาครัฐที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปากให้กับประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งมาตรการเชิงรับในพื้นที่ และมาตรการเชิงรุกเข้าถึงงานบริการ เปลี่ยน “รับฟัง” เป็น “เข้าใจ”และยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับจังหวัดอื่นๆด้วย
ทพญ.นันท์มนัส กล่าวต่อว่า เหตุผลหลักที่กลุ่มวัยทำงานไม่ไปรับบริการ เพราะคิดว่า ไม่สะดวกไป ถ้าไปรับบริการอาจมีปัญหากระทบต่อภาระงานที่ทำอยู่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขับเคลื่อนการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก และเพิ่มการรับบริการของกลุ่มวัยทำงานมากขึ้น ซึ่งมูลนิธิทันตสาธารณสุข ได้ร่วมกับสสส. ดำเนินงานเพื่อให้เกิดชุดสิทธิประโยชน์การสร้างเสริมสุขภาพช่องปากกลุ่มวัยทำงานมาตั้งแต่ปี 2559 ในระยะเริ่มต้นได้ทำงานขับเคลื่อนช่องปากวัยทำงาน เพื่อเข้าสู่ผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถดูแล เฝ้าระวังสุขภาพช่องปากของตนเองได้ เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการ ทำให้ทราบเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงบริการมากขึ้น
ด้าน นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่าจ.ศรีสะเกษมี 22 อำเภอ โรคปัญหาช่องปาก เป็น 1 ใน 5 ที่มีผู้ป่วยสูงสุด ด้วยที่มีทันตบุคลากรน้อย ในปี 2552 จึงได้เปิดคลินิกทันตกรรมขึ้น เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนสูงวัยและวัยทำงานเข้าถึงบริการมากขึ้น โดยมีผู้มาใช้บริการโดยเฉลี่ย 1,000 รายต่อเดือน ในปี 2554 ได้จัดทำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ เพื่อจัดบริการในพื้นที่ทดแทนทันตบุคลากร และออกหน่วยให้บริการตามวาระ ประมาณ 200 ครั้งต่อปี มีผู้รับบริการ 15,000 ราย
การดูแลเชิงป้องกันจะเป็นการส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากได้ดีกว่า อย่างเช่น การใช้รถทันตกรรมเคลื่อนที่ เป็นการพัฒนาระบบบริการเชิงรุก ไปถึงที่ทำงาน ไปถึงสถานที่ เข้าถึงประชาชนได้รับบริการที่ครอบคลุมทั่วถึง อีกทั้งยังทำให้สุขภาพฟันดีในผู้สูงวัย “ประชาชนสุขภาพดี” ถือเป็นหนึ่งในวาระของจังหวัด ที่เราบรรจุสุขภาพช่องปากลงไปในกลุ่มนี้ด้วย
“รถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการจุดที่ขาดแคลนทันตบุคลากร เน้นเด็กเล็ก วัยเรียน ผู้สูงอายุ แต่กลุ่มวัยทำงานเราหาเขาไม่เจอ เพราะเขาไปทำงาน นัดไปคลินิก เขาก็ไม่มีเวลา ถ้าเราทำงานเหมือนเดิมผลลัพธ์ไม่ต่างจากเดิม จึง “คิดใหม่ ทำใหม่” ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ออกแบบการให้บริการใหม่ โดยใช้รถทันตกรรมเคลื่อนที่มาทำงาน จะได้เข้าถึงบริการมากขึ้น“นพ.ทนง กล่าวและว่า ในปี 2567 ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.)จังหวัดศรีสะเกษ ในการนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการแรงงานผู้ประกันตนในสถานประกอบการภายใน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานภาครัฐเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ลงนามร่วมกับ สปส. ในกรณีดังกล่าวโดยมี ทพ.ชาญชัย ศานติพิพัฒน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้ขับเคลื่อน
ด้าน ทพ.ชาญชัย ศานติพิพัฒน์ หรือ “หมอจุ่น” ทันตแพทย์เชี่ยวชาญหัวหน้ากลุ่มงานทันตสาธารณสุข ผู้ขับเคลื่อนงาน และ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ในส่วนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ที่ดูแลสุขภาพช่องปากในวัยทำงานเราเริ่มต้นปี 2567 โดยเริ่มจากการดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ประกันตนก่อน ในปี2568 ได้มีการขยายโครงการเข้าไปในหน่วยงานภาครัฐในกลุ่มวัยทำงาน โดยมุ่งหวังว่าบุคลากรในกลุ่มวัยทำงานจะมีสุขภาพช่องปากที่ดีส่งผลให้เขามีสุขภาพกายที่ดีด้วย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม
จุดเริ่มต้นโครงการนี้เพราะเห็นข้อมูลในจังหวัดตนเองว่า กลุ่มวัยทำงานของเราเข้าไม่ถึงบริการ สสส.เห็นโมเดลของจ.ศรีสะเกษสามารถขับเคลื่อนด้วยตนเองได้โดยไม่มีใครมาขับเคลื่อนให้เรา โดยเราทำงานแก้ปัญหาด้วยบริบทของตนเองและใช้งบประมาณของตนเอง เรามองวิเคราะห์ปัญหาจากมุมมองของเราและแก้ปัญหาโดยพื้นที่ของเราด้วยงบประมาณและคนของเราเอง
จ.ศรีสะเกษมีความเข้มแข็งและสสส.มองเห็นว่าจะเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนให้กับจังหวัดอื่นๆ ทำปีนี้เป็นปีที่สอง ปีแรกเริ่มต้นจากการจับมือร่วมกับประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กลุ่มเป้าหมายหลักคือเป็นสถานประกอบการภาคเอกชน ซึ่งปีแรกในระยะเวลา 3 เดือนเราสามารถให้บริการผู้ประกันตนในภาคเอกชนถึง 24 แห่งในจ.ศรีสะเกษ เราทำงานเชิงรุกด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ใช้ระยะเวลา 33 วันและให้บริการจำนวน 700 คน
”ผมมองว่าตรงนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเปลี่ยนวิธีคิดจากการทำงานเชิงรับมาเป็นเชิงรุก ซึ่งเรามองเห็นบุคลากรวัยทำงานของประชาชนยังเข้าไม่ถึงบริการ เราจึงปรับรูปแบบบริการภายใต้บริบทที่เรามีสามารถทำให้กลุ่มวัยทำงานเข้าถึงบริการได้มากขึ้น การเข้าถึงสิทธิ์โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพฟันหรือช่องปากเป็นอะไรที่ไกลตัวหรือมองข้ามไป ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพจิต สุขภาพกายและต่อการทำงานด้วย ส่วนใหญ่เขามองว่าเข้าถึงสิทธิยากก็ไม่อยากใช้แล้ว มันทำให้เรื่องสุขภาพช่องปากถูกละเลยไปแต่จริงแล้วมันมีผลในระยะยาว” หมอจุ่น กล่าว
ทพ.ชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สุขภาพช่องปากของกลุ่มวัยทำงานถ้าดีเขาจะเป็นผู้สูงอายุวัยที่มีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตดีด้วย เราไม่ได้ทำแค่ให้บริการรักษา แต่เราให้ความรู้ควบคู่ไปด้วยผมมองว่าการให้ความรู้บ่อยๆจะช่วยทำให้เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การที่ได้รับความรู้บ่อยๆจะช่วยกระตุ้นพฤติกรรมที่ดี พฤติกรรมสร้างได้ถ้าเขาเป็นกลุ่มวัยทำงานและมีพฤติกรรมที่ดี ณ ตอนนี้พออายุมากขึ้นเขาก็ยังมีพฤติกรรมที่ดีเขาจะเป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพที่ดี เป็นต้นแบบให้กับลูกหลานที่ดีและช่วยเป็นโมเดลให้กับครอบครัวด้วย
ทพ.ชาญชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า กลุ่มคนวัยทำงานถือเป็นแกนหลักขับเคลื่อนประเทศ แต่ที่ผ่านมาเราเจอปัญหาคนวัยทำงานเข้ามารับบริการงานทันตกรรมไม่ถึง 10% ส่วนใหญ่จะพบกรณีที่ปวดฟันทนไม่ไหวแล้ว และจะเป็นปัญหาที่ยากเกินแก้ไข จบด้วยการถอนฟันในท้ายสุด นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า กลุ่มวัยทำงานกว่า 90% มีภาวะโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งไม่มีอาการแสดงทันที เริ่มต้นจากแค่เปลี่ยนสี มองไม่เห็น แต่ระยะยาว มีหินปูน เหงือกบวน บางรายเป็นหนอง ฟันโยก ซึ่งจะกระทบกับชีวิตแน่นอน
ดังนั้นเรา สสจ.ศรีสะเกษ จึงคิดใหม่ คือ “รับฟังอย่างเข้าใจ” ฉะนั้นเมื่อเขามีปัญหาลางานไม่ได้ หรือไม่สะดวกที่จะเดินทางมาหาเรา เราก็ออกไปหาเขา ด้วยการขอความร่วมมือกับสถานประกอบการ ว่า เราจะนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ออกไปให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงาน จะได้ไม่ต้องลางานหรือกระทบกับงาน ใครว่างช่วงเวลาไหนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาตามคิวได้เลย ค่าบริการจะอยู่ในส่วนของผู้ประกันตนที่เบิกจ่ายตามสิทธิ์ของประกันสังคมรายละ 900 ต่อปี นอกจากนี้ยังช่วยภาระค่าใช้จ่าย เพราะหากไปรับบริการที่เอกชนเกินงบก็ต้องจ่ายเอง แต่ทำกับเราสามารถทำได้หลายรายการ คุ้มกว่า เพราะเราคิดราคาภาครัฐ ได้แก่ ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และผ่าฟันครุฑ
“โครงการนี้พยายามหาช่องทางหลากหลายวิธี ให้คนกลุ่มวัยทำงานเข้าถึงทันตกรรมมากขึ้น ในทุกสิทธิ์การรักษา ศรีสะเกษเป็นจังหวัดแรกๆ ที่ทำงานเชิงรุกให้บริการงานทันตกรรมกลุ่มคนวัยทำงานในสถานประกอบการ เรียกได้ว่าบริการถึงที่ไม่ต้องรอคิว” หมอจุ่น กล่าว
ปี 2568 สสจ.ศรีสะเกษ รุกให้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่อีกครั้ง โดยขยายการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ เช่น สถานีตำรวจภูธร ศาลจังหวัด สรรพากร เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้วัยทำงานมีความรู้ดูแลสุขภาพช่องปาก ให้บุคลากรได้รับการบริการทันตกรรมตามเหมาะสมและจำเป็น อย่างเช่น คนทำงานในศาลากลางจังหวัดที่ต้องดูแลคนทั้งจังหวัด แต่ใครจะเป็นคนดูแลพวกเขาเหล่านั้น
อีกทั้งสสจ.ศรีสะเกษทำงานเชิงรุก ช่วยจังหวัดในการนำทันตบุคลากรไปหากลุ่มวัยทำงาน เหมือนกับการกระจายทันตแพทย์ไปในตัว เพราะลำพังแล้ว จ.ศรีสะเกษ มี ทันตแพทย์ 1 คน ต้องดูแลผู้ให้บริการกว่า 11,000 ราย โดยที่ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศจะอยู่ที่ 1 ต่อ 7,000 ราย ดังนั้นทันตแพทย์ศรีสะเกษจึงมีภาระรับผิดชอบหนักอึ้ง แต่ไม่เป็นอุปสรรคของ สสจ.ศรีสะเกษที่ที่เทแรงกายแรงใจในการทำงานเชิงรุกนี้ เพราะเชื่อว่า หากได้ดูแลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนก็จะมีสุขภาพช่องปากที่ดี ส่งผลคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในอนาคต
ด้านนายทวีศักดิ์ ทรงอยู่ รองผวจ.ศรีสะเกษ ดูแลงานด้านสาธารณสุข กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษดูแลเรื่องสุขภาพของประชาชนในจังหวัด ซึ่งมีบริการเชิงรุกหลายรูปแบบ เช่น บริการของหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ไปถึงประชาชน เพราะสิ่งที่มุ่นเน้นคือสุขภาพช่องปาก เรื่องฟันเนื่องจากบริการสาธารณสุขเราเข้าถึงการให้บริการเด็ก และผู้สูงวัยอยู่แล้ว เหลือเพียงวัยทำงานที่พบว่าเข้าถึงน้อย และไม่ค่อยให้ความสำคัญ ตนมองว่าหากกลุ่มวัยทำงานมีการดูแลสุขภาพช่องปากดี ส่งผลให้การทำงานดีไปด้วย เช่น ฟันดี กินดี พูดดี ยิ้มดี ทำงานดี ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดอีกด้วย
จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่ไปยังสถานประกอบการ “โค้วทองอยู่” สถานประกอบการแห่งแรกที่ตอบรับเข้าร่วมโครงการ ตามวิสัยทัศน์ของให้ผู้บริการ และมองว่าลูกจ้างก็เหมือนคนในครอบครัว รวมทั้งยังให้รถหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ของจังหวัดศรีสะเกษไปจอดให้บริการ พร้อมสอนถึงการแปรงฟันอย่างถูกวิธีในการป้องกันฟันผุให้กับพนักงานในสถานประกอบการด้วย
นายบุณยเกียรติ ทวีสุขศิริ “เฮียเบนซ์” ผู้บริหาร “โค้วทองอยู่” และบริษัทในเครือ กล่าวว่า เรามองเห็นประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับ จึงได้เข้าร่วมโครงการและยินดีที่ให้รถทันตกรรมเคลื่อนที่มาตั้งในที่ทำงาน โดยให้พนักงานสลับหมุนเวียนกันมาเข้ารับบริการ ช่วยให้พนักงานไม่ต้องเสียสิทธิ์การลางานไปรับบริการ และช่วยให้เขาหันมาใส่ใจสุขภาพช่องปากมากขึ้น เราใส่ใจสุขภาพของพนักงานเพื่อให้เข้ามีชีวิตความเป็นที่ดี โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่เราพร้อมสนับสนุนทุกๆ เรื่อง
“ผมอยากให้มีการประชาสัมพันธ์ว่า วันที่รถทันตกรรมเคลื่อนที่มาให้บริการอีก ผม อยากให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถมาใช้บริการได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องให้บริการเฉพาะเรา ซี่งจะทำให้เป็นการเข้าถึงประชาชนได้จริงๆ”เฮียเบนซ์ กล่าว