เมื่อวันที่ 25พฤษภาคม 2568 นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสปสช.พร้อมพญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการเขต สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ เยี่ยมชม “โครงการตำบลแม่ยาวร่วมใจ เฝ้าระวังและป้องกันภัยเด็กจมน้ำ : โตไปไม่จม ว่ายน้ำเพื่อชีวิต”ณ เทศบาลตำบลแม่ยาว จ.เชียงราย โดยมี นางสาวศิริรัตน์ สันธิ ปลัดเทศบาล (ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี) ตำบลแม่ยาว นายทวิช ยะปะนันท์ ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลแม่ยาว น.ส.ถนอมศรี ธนศักดิ์สุวรรณ ผอ.รร.ห้วยทรายขาว ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนเด็กป.1-ป.6 รวมถึงให้การต้อนรับและนำเสนอแม่ยาวโมเดล ตำบลปลอดภัยจากการจมน้ำต้นแบบการป้องกันการจมน้ำในเด็ก อ.เมือง จ.เชียงราย
นางสาวศิริรัตน์ สันธิ ปลัดเทศบาล (ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี) ตำบลแม่ยาว กล่าวว่า เทศบาลตำบลแม่ยาว มีพื้นที่ 166,060.04 ไร่ ส่วนใหญ่ล้อมรอบ ด้วยภูเขาประชากรจำนวน 24,543 คน แบ่งออกเป็น 20 หมู่บ้านมีกลุ่มพื้นเมือง กลุ่มชาติติพันธ์ เช่น อาข่า ราหู่ กะเหรี่ยง(ปกาเกอะญอ) อิ้วเมี่ยน ไทใหญ่-ไทลื้อ มีโรงเรียนพื้นที่สูง 7 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดเทศบาล 9 แห่ง โดยมีแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำที่สำคัญในพื้นที่ พร้อมที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงปลอดภัย เนื่องจากประชาชนมีวิถีชีวิตอาศัยอยู่ติดแม่น้ำมีกิจกรรมการท่องเที่ยว ล่องแพ ล่องเรือและคายัค ในขณะที่เด็กขาดโอกาสในการเรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดถึงร้อยละ80 เทศบาลฯ จึงได้จัดจัดทำศูนย์เรียนรู้การป้องกันทางอุบัติเหตุทางน้ำโดยใช้กลไก “ทีมผู้ก่อการดีเทศบาลตำบลแม่ยาว” ป้องกันการจมน้ำมีการขับเคลื่อนโดยการดำเนินกิจกรรม ในรูปแบบสหสาขาวิชาชีพแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อให้การจัดระบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมร่วมกับภาคีเครือข่ายภายใต้งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นแม่ยาว และเทศบัญญัติรายจ่ายประจำปีเทศบาลตำบลแม่ยาวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเด็กที่เป็นกลุ่มเป้าหมายอายุ 6-15 ปี ในตำบลแม่ยาว
ปลัดเทศบาลฯ กล่าวว่า สำหรับศูนย์เรียนรู้ฯ ทีมผู้ก่อการดี เทศบาลตำบลแม่ยาว จะเน้นการฝึกทักษะ อบรม เอาชีวิตรอดจากจมน้ำโดยใช้นวัตกรรมการประยุกต์ใช้สระน้ำผ้าดิบเคลือบน้ำยางพาราสำเร็จรูปเพื่อเป็นแหล่งฝึกทักษะ การลอยตัวแทนการเช่าสระว่ายน้ำเป็นการทำงานเชิงรุกในกลุ่มเปราะบาง กลุ่มชาติพันธุ์ ที่อาศัยอยู่ในในพื้นที่เข้าถึงยากลำบาก โดยนำอ่างยางพาราลงไปในชุมชนฝึกทักษะการลอยตัวแทนการเช่าสระว่ายน้ำการประยุกต์ขวดน้ำดื่ม ถังพลาสติก ช่วยลดงบประมาณในการดำเนินโครงการ
นอกจากนี้แล้ว ทีมผู้ก่อการดีฯ มีการสร้างแกนนำเด็กและผู้ปกครอง โดยการคัดเลือกเด็กและอาสาสมัครเป็น “ทูตความปลอดภัยทางน้ำ” ให้เฝ้าระวังจุดเสี่ยง มีการติดตั้งป้ายเตือนและมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตในจุดอันตราย และสื่อสารผ่านชุมชนโดยใช้ภาษาท้องถิ่นในการสื่อสารรณรงค์ ผ่านหอกระจายข่าว ตลอดจนผ่านสื่อออนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ค อินฟลูเอนเซอร์ ไลน์ เป็นต้น
“แม่ยาวโมเดล : Maeyao Model ตำบลปลอดภัยจากการจมน้ำต้นแบบแห่งการเปลี่ยนแปลง ป้องกันการจมน้ำในเด็ก และเด็กในพื้นที่จะได้รับการฝึกอบรมเพิ่มทักษะการป้องกันเด็กจมน้ำ อย่างต่อเนื่องจากทีมผู้ก่อการดีเทศบาลตำบลแม่ยาว” ป้องกันการจมน้ำมีการขับเคลื่อนโดยการดำเนินกิจกรรม ในรูปแบบสหสาขาวิชาชีพแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อให้การจัดระบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมร่วมกับภาคีเครือข่าย มีกิจกรรมสร้างเสริมทักษะการให้เด็กเอาชีวิตรอดในน้ำ ได้แก่ วิธีการลอยตัว ใช้ห่วงยาง โฟมลอยน้ำ หรือสวมเสื้อชูชีพ เป็นต้น โดยใช้มาตรการ “ตะโกน โยน ยื่น” ปลัดเทศบาลตำบลแม่ยาว กล่าว
ด้านนพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสปสช. กล่าวว่า ขอชื่นชมเทศบาลตำบลแม่ยาวที่จัดอบรมเพื่อเพิ่มทักษะการป้องกันและช่วยเหลือเด็กจมน้ำโดยเฉพาะในช่วงปิดเทอม ซึ่งนับว่าเป็นโครงการสำคัญโครงการหนึ่งที่ สปสช.สนับสนุนท้องถิ่นดำเนินการ สปสช.หวังว่าเด็กๆได้รับการอบรม ฝึกทักษะ และเป็นตัวอย่างให้ท้องถิ่นอื่นนำไปเป็นตัวอย่างในการป้องกันเด็กจมน้ำได้ โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอม
รองเลขาธิการสปสช.กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นระดับพื้นที่(กปท.) จำนวน 7,759 แห่ง และมีการจัดทำโครงการป้องกันเฝ้าระวังเด็กจมน้ำในปี 2568 จำนวน 1,720 แห่ง โดยในพื้นที่เขต 1 เชียงใหม่ ที่รับผิดชอบดูแล 7 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน มีโครงการทั้งสิ้น 115 โครงการ นำไปใช้ในการฝึกอบรมเยาวชนในพื้นที่ผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นต่อไปได้
“ที่นี่ค่อนข้างเด่นคือ ใช้อุปกรณ์ง่ายๆมาสอนให้เด็กรู้จักช่วยตัวเอง ลอยตัวในน้ำ และวิธีการช่วยเหลือคนจมน้ำ โครงการนี้เด่นคือ การสร้างสระว่ายน้ำด้วยการใช้นวัตกรรมการประยุกต์ใช้สระน้ำด้วยผ้าดิบการนำเอาผ้าดิบมาเคลือบกับน้ำยางพารา และนำไม้หรือเหล็กทำเป็นโครงบ่อน้ำขึ้นมาขนาดย่อมๆ เพื่อเป็นแหล่งฝึกทักษะ การลอยตัวแทนการเช่าสระว่ายน้ำ ร่วมกับมูลนิธิกู้ภัยมาช่วยสอนเด็กๆ ผลจากที่เกิดเหตุสะเทือนใจเด็กจมน้ำหลังจากที่ทำพบว่าไม่พบว่ามีเด็กจมน้ำอีก ซึ่งอยากให้เป็นตัวอย่างกับท้องถิ่นหรืิโรงเรียนอื่นๆ” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวและว่า จากความร่วมมือนี้ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กเห็นความสำคัญตระหนักและอนุญาตให้ลูกหลานไปเรียน
ด้าน ด.ญ.วิริฒิพา มาเยอะ ชั้นป.6 รร.ห้วยทรายขาว ซึ่งเป็น 1ในนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ตะโกน โยน ยื่น เล่าว่า มาเรียนได้ความรู้ในการป้องกันตัวและช่วยเหลือผู้อื่น หนูได้เรียนการช่วยชีวิตด้วยซีพีอาร์ ช่วยคนจมน้ำ แต่หนูทำได้แค่การลอยตัวในน้ำ ช่วยคนจมน้ำและตะโกนเรียกให้คนมาช่วย แถมเรียนก็สนุก ได้ความรู้อีก พ่อแม่ก็รู้สึกว่าดีใจบอกว่าจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้และยังช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย