ผู้ต้องขัง เฮ ! เรือนจำจังหวัดแพร่ Kick off นำร่องรถทันตกรรมเคลื่อนที่บริการแก่ผู้ต้องขัง ตามนโยบาย ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 ณ เรือนจำจังหวัดแพร่ พล.อ.อ.สุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ร่วมพิธีเปิดโครงการบริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขัง ภายใต้นโยบาย “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่” โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของ สปสช. กระทรวงสาธารณสุข และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ในการจัดบริการด้านทันตกรรมแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ เด็กและเยาวชนในสถานพินิจ ในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่องนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายด้านสุขภาพที่สำคัญของรัฐบาลที่เร่งขับเคลื่อนขณะนี้ คือนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพบริการ อำนวยความสะดวกการใช้สิทธิ ดูแลประชาชนให้เข้าถึงบริการมากยิ่งขึ้น นโยบายนี้ไม่ได้เพียงแค่การดูแลประชาชนคนไทยทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำที่เป็นกลุ่มเปราะบางด้านสุขภาพ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดบริการสุขภาพเชิงรุกที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ต้องขังในเรือนจำได้รับบริการสุขภาพภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ครอบคลุมมากที่สุด
ทั้งยังเป็นการสนองพระราชดำริในโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสำหรับบริการด้านทันตกรรมจะเป็นอีกบริการหนึ่งที่ทำให้ผู้ต้องขังได้เข้าถึงบริการสุขภาพช่องปาก ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ต้องขังที่มีปัญหาสุขภาพในช่องปากได้รับการรักษา ช่วยลดความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยแล้ว ยังได้รับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในช่องปาก ที่นำไปสู่การมีสุขภาพฟันที่ดีได้ และหลังจากนี้จะมีการขยายการให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขังไปยังสถานเรือนจำและสถานพินิจเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวต่อไป
ด้านนายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานที่กักขัง ในสังกัดจำนวน 143 แห่ง และจากข้อมูลสำรวจทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา มีผู้ต้องขังในเรือนจำ มีจำนวนทั้งสิ้น 277,813 คน แยกเป็นผู้ต้องขังชายจำนวน 244,324 คน และผู้ต้องขังหญิงจำนวน 33,489 คน ขณะที่เรือนจำจังหวัดแพร่ มีผู้ต้องขังจำนวนทั้งสิ้น 1,387 คน เป็นผู้ต้องขังชายจำนวน 1,257 และผู้ต้องขังหญิงจำนวน 130 คน ซึ่งที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้มีนโยบายในการดูแลสุขภาพให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ ภายใต้โครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ในการพัฒนาระบบสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม ตามหลักมนุษยธรรมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดำเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการดูแลภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ควบคู่กันไป สำหรับบริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขัง ภายใต้นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวในครั้งนี้
นอกจากเป็นส่วนหนึ่งของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ แล้ว ยังเป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพช่องปากให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยกรมราชทัณฑ์จะร่วมมือกับ สปสช. ในการขยายและต่อยอดโครงการนี้ เพื่อให้เกิดการดูแลสุขภาพในช่องปากให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศต่อไป
ด้านพล.อ.อ.สุบิน กล่าวว่า หนึ่งในวัตถุประสงค์สำคัญของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ คือการดำเนินการเพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังให้ได้รับการรักษาพยาบาลเท่าเทียมกับบุคคลภายนอก และให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เป็นที่ทราบกันดีว่าด้วยสภาวการณ์ของผู้ต้องขังที่ถูกจำกัดอยู่ในเรือนจำ การเข้ารับบริการด้านสุขภาพจึงไม่สามารถเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลได้เหมือนกับบุคคลภายนอกได้ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ยังมีความจำเป็นต้องได้รับบริการสุขภาพ โดยเฉพาะการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งในด้านการรักษาพยาบาล การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมไปถึงการรับบริการดูแลสุขภาพในช่องปาก ที่ต้องดำเนินการโดยบุคลากรด้านทันตกรรม และเครื่องมือแพทย์ด้านทันตกรรมเฉพาะ ทำให้การบริการเชิงรุกในเรือนจำจึงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
“ขอขอบคุณและชื่นชมความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์ เรือนจำจังหวัดแพร่ สปสช. และชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย รวมถึงทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้”พล.อ.อ.สุบิน กล่าว”
ด้านนพ.จเด็จ กล่าวว่า ตลอด 21 ปีที่ผ่านมา สปสช. ได้พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง มาอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ (23 กพ. 67) เป็นอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนา ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้สิทธิและเข้ารับบริการให้กับประชาชน เช่นเดียวกับกลุ่มประชากรที่เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีสิทธิบัตรทองฯ และนับเป็นกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้เข้าถึงสิทธิและได้รับบริการสุขภาพที่จำเป็น ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดบริการเชิงรุกถึงในเรือนจำเพื่อให้เกิดการดูแลได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง แต่ในส่วนของบริการด้านทันตกรรมนั้นยังมีข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลากรด้านทันตกรรมที่มีจำกัด ปัญหาการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และเครื่องมือทันตกรรม การให้บริการแต่ละครั้งที่ต้องใช้เวลา เป็นต้น ทำให้ผู้ต้องขังเข้าไม่ถึงบริการทันตกรรม และมีจำนวนไม่น้อยที่เกิดภาวะของปัญหาสุขภาพในช่องปาก ต้องทนทุกข์กับความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นนี้ จนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและสุขภาพจิต
“ด้วยเหตุนี้ สปสช. จึงได้ประสานความร่วมมือกับชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย นำรถทันตกรรมเคลื่อนที่มาร่วมให้บริการผู้ต้องขังในเรือนจำและสถานพินิจเด็กและเยาวชน 12 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่องบัตรประชาชนใบเดียว โดยในวันนี้จะเป็นการ Kick off การให้บริการฯ ที่เรือนจำจังหวัดแพร่เป็นแห่งแรก ตนในนามของ สปสช. ขอขอบคุณในความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่ทำให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขัง ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวขึ้นได้” เลขาธิการสปสช.กล่าว
นพ.จเด็จกล่าวว่า รถทันตกรรมเคลื่อนที่ สามารถให้ผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการได้ตลอดเวลา ซึ่งในเรือนจำจังหวัดแพร่มีผู้ใช้บริการ 888 กว่าคน ใช้เวลา 9 วันในการให้บริการซึ่งถือว่าวันละ 80-90 คน ต้องมีการจัดคิวที่ดี ถือว่าเราปิดจุดอ่อนในการให้บริการซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีจำกัด รถทันตกรรมเคลื่อนที่ยังสามารถให้บริการในโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆได้ การให้บริการสร้างความสะดวกแก่ผู้ต้องขังไม่ต้องขนย้ายให้ยุ่งยาก
เลขาธิการสปสช. กล่าวว่า สปสช. ได้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สนับสนุนการจัดบริการ สาธารณสุขให้มีคุณภาพมาตรฐานและเพียงพอต่อการเข้าถึงบริการของประชาชน และสนับสนุนการจัดหานวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ รองรับการเข้าถึงบริการของประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดังกล่าว โดยได้กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายชดเชยค่าบริการทันตกรรม โดยรถทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อการสนับสนุนการเข้าถึงบริการทันตกรรมแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมถึงเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนในระบบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ด้านนายชุติเดช กล่าวว่า ในนามตัวแทนของชาวจังหวัดแพร่ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นรับเลือกให้เป็น 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว อีกทั้งยังเป็นจังหวัดแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นเรือนจำในการ Kick Off การให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขัง ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวด้วย ทั้งนี้ จ.แพร่ มีประชากรรวมทั้งสิ้นจำนวน 426,966 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ด้วยเหตุนี้ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว จึงมีประโยชน์สู่ประชาชนชาวแพร่โดยตรง ในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขที่จำเป็นภายใต้สิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันนโยบายเดียวกันนี้ ยังครอบคลุมดูแลถึงผู้ต้องขังในเรือนจำรวมถึงสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดแพร่ เพื่อให้ได้รับบริการสาธารณสุขที่จำเป็นเช่นเดียวกับบุคคลภายนอก ตนขอขอบคุณทุกท่านในความร่วมมือที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ในวันนี้ พร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล รวมถึง 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
ทั้งนี้ โครงการบริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขัง ภายใต้นโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ จะเป็นการนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่เข้าไปให้บริการผู้ต้องขังถึงในเรือนจำ โดยในกรณีที่ผู้ต้องขังมีสิทธิบัตรทอง จะเป็นการให้บริการตามความจำเป็น 6 รายการ ได้แก่ ตรวจสุขภาพช่องปาก เคลือบหลุมร่องฟัน เคลือบฟลูออไรด์ ขูดหินปูน อุดฟัน และ ถอนฟัน แต่ในกรณีที่ผู้ต้องขังนั้นไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทอง ก็ยังจะได้รับบริการให้คำปรึกษาและบริการเคลือบฟลูออไรด์ชนิดเข้มข้นสูงเฉพาะที่ และกรณีหญิงตั้งครรภ์จะได้รับบริการบริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกัน และบริการขัดทำความสะอาดฟัน เช่นเดียวกับผู้ที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป จะได้รับบริการคัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก.
ผู้ต้องขังหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ได้ลงทะเบียนทำฟันที่รถทันตกรรมเคลื่อนที่ กล่าวว่า ดีใจมาก ที่สปสชนำรถทุนตกรรมเคลื่อนที่มาให้บริการถึงที่ อยากบอกว่าโครงการนี้เป็นโครงการดีมาก เพราะถ้ามีอาการปวดฟันก็ไม่ ต้องรอคิวนาน ได้ใช้สิทธิเหมือนคนจ้างนอก วันนี้มาเรื่องฟันแตกบิ่น รถทันตกรรม มีอุปกรณ์ ทันสมัย และยังได้รับคำแนะนำจากหมอฟันในการดูแลช่องปากด้วย “จากนั้น ผู้ต้องขังรายนี้ได้ก้มกราบหมอที่มารักษาให้ด้วย”