เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สิงหนาท อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ และนพ.สาธิต ทิมขำ ผู้อำนวยการเขต สปสช. เขต 4 สระบุรี ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงาน “DM Remission” ของ รพ.สต.สิงหนาท ที่มีการนำเทคโนโลยี Internet of Things (IOT) และ Application เข้ามาช่วยในการติดตาม ดูแล และส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนอย่างเป็นระบบ
โดยมี นพ.ณรงค์ ถวิลวิสาร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พญ. วรางคณา ทองเปรม รักษาการ ผอ.รพ.ลาดบัวหลวง นายประยุทธ ไตรสารศรี ผอ.รพ.สต.สิงหนาท นายภูษิต กิจพิทักษ์ รก.นายก อบต.สิงหนาท นายภักดี สกุลณี รองนายก อบต.คลองพระยาบันลือ นายสังคม เรื่องฤทธิ์ ประธาน อสม.รพ.สต.สิงหนาท ให้การต้อนรับ
พญ. วรางคณา ทองเปรม รักษาผู้อำนวยการ รพ.ลาดบัวหลวงและ นายประยุทธ ไตรสารศรี ผอ.รพ.สต.สิงหนาท กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “Ayutthaya Healthcare Ecosystem” ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผ่านกลไก “3 หมอ” ได้แก่ อสม.เป็นหมอคนที่ 1, รพ.สต.เป็นหมอคนที่ 2 และโรงพยาบาลชุมชนเป็นหมอคนที่ 3 รพ.สต.สิงหนาท ได้ใช้ชุดอุปกรณ์ IOT แบบ Home use และ Professional ร่วมกับระบบเชื่อมต่อข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ “Ayutthaya Health Wellness Monitor” เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลสุขภาพของตนเองแบบเรียลไทม์ ขณะเดียวกันแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเพื่อวิเคราะห์ วางแผน และติดตามผลการรักษาได้อย่างแม่นยำ
รีกษาการผู้อำนวยการ รพ.สต.สิงหนาท กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานเด่นชัด ผู้ป่วยเบาหวานที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถหยุดยาได้กว่า 55% ในปีงบประมาณ 2568 รพ.สต.สิงหนาท ตั้งเป้าคัดกรองโรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง 1,330 ราย และสามารถคัดกรองได้ถึง 1,290 ราย คิดเป็นร้อยละ 97 โดยดำเนินโครงการ DM Remission คัดกรองและชักชวนผู้ป่วยเบาหวานเข้าสู่กระบวนการดูแลอย่างเข้มข้น จำนวน 18 ราย พบว่า หยุดยาได้ 10 ราย (ร้อยละ 56) ลดยาได้ 4 ราย (ร้อยละ 22.22) คงยาเดิม 4 ราย (ร้อยละ 22.22)
การดำเนินการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น (กปท.) อบต. คลองพระยาบันลือ จำนวน 43,900 บาท เพื่อจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเบาหวาน 40 คน ส่งเสริมการปรับพฤติกรรมสุขภาพโดยเฉพาะด้านโภชนาการ (IF), การออกกำลังกาย และการติดตามสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
พญ.วรางคณา กล่าวเสริมว่า ถือเป็นการเปลี่ยนบทบาทการดูแลคนไข้จากเชิงรับเป็นเชิงรุกพร้อมมีนวัตกรรมชุดอุปกรณ์ IOT แบบ Home use และ Professional ร่วมกับระบบเชื่อมต่อข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ “Ayutthaya Health Wellness Monitor” เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลสุขภาพของตนเองแบบเรียลไทม์ ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนบทบาทวิธีคิดของประชาชนและยังเปลี่ยนอนาคตในการดูแลคนไข้อีกด้วย
ด้านนพ.ณรงค์ ถวิลวิสาร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การดำเนินงาน “DM Remission” ของ รพ.สต.สิงหนาท ที่มีการนำเทคโนโลยี Internet of Things (IOT) และ Application เข้ามาช่วยในการติดตาม ดูแล และส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วย เบาหวาน-ความดันในชุมชนอย่างเป็นระบบ เริ่มคิดเมื่อปี2563 และพัฒนาสำเร็จปลายปี2564 เริ่มใช้กับประชาชนจริง ปี2565จนถึงปัจจุบัน มาประมาณ3ปี เดิมคนไข้จะมาพบหมอแต่ละครั้งนานประมาณ 3-4เดือน และระหว่างก่อนที่จะมาพบหมอหากคนไข้มีอาการความดันและน้ำตาลสูงโดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง จึงคิดถึงระบบนี้ขึ้น และอยากให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อีกทั้งมีโครงการ 3หมอเข้ามาช่วยร่วมถึงใช้ระบบIOTและแอพพิเคชั่นคนไข้จะได้รับรู้ว่ามีหมอค่อยดูแลตลอด เพราะหมอจะมีข้อมูลที่อสม.ไปตรวจคนไข้ที่บ้าน
นายภูษิต กิจพิทักษ์ รก.นายก อบต.สิงหนาท นายภักดี สกุลณี รองนายก อบต.คลองพระยาบันลือ กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างท้องถิ่น หน่วยบริการ และภาคประชาชน คือหัวใจของการสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืน” โมเดล “DM Remission + IOT” ของรพ.สต.สิงหนาท จึงนับเป็นต้นแบบของระบบสุขภาพระดับปฐมภูมิที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน และก้าวสู่การดูแลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ “สุขภาพที่ทุกคนเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง”
ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสปสช.กล่าวว่า ขอชื่นชมโมเดลของรพ.สต.สิงหนาท ที่มีการนำเทคโนโลยี Internet of Things (IOT) และ Application เข้ามาช่วยในการติดตาม ดูแล และส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนอย่างเป็นระบบผู้ป่วยเบาหวานที่เข้าโครงการลดการใช้ยา หยุดยาได้ด้วยวิธีการเช่นนี้เชื่อว่าในอนาคตจะเห็นความสำเร็จมากกว่านี้ ทั้งนี้ สปสช. พร้อมสนับสนุนงบประมาณทุกช่องทาง ในการขับเคลื่อนลดโรคNCDs อย่างเต็มที่
“ความร่วมมือระหว่างท้องถิ่น หน่วยบริการ และภาคประชาชน คือหัวใจของการสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืน โมเดล “DM Remission + IOT” จึงนับเป็นต้นแบบของระบบสุขภาพระดับปฐมภูมิที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน” รองเลขาธิการสปสช.กล่าว