เซอร์เทนตี้เดินหน้ากิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ต่อยอดโครงการอิ่มบุญสู่ปีที่ 11 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่ยากไร้
ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งปัญหาหลักคนวัยนี้คือเรื่องของสุขภาพ และด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้หลายครอบครัวประสบปัญหาทางด้านการเงิน ทำให้ผู้ป่วยสูงอายุจำนวนไม่น้อยอาจไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ (Certainty) ได้เล็งเห็นความสำคัญ จึงมีปณิธานมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการอิ่มบุญกับเซอร์เทนตี้ ปีที่ 11 หวังยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ป่วยสูงอายุยากไร้
นายอภิศักดิ์ อัครพัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ (Certainty) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 19% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือเกือบ 13 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% ในปี 2573 ซึ่งปัญหาหลักของผู้สูงอายุจะเป็นเรื่องของสุขภาพ บางรายขาดโอกาสเข้าถึงระบบสาธารณสุข อีกทั้งโรงพยาบาลยังขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย บริษัทฯเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ริเริ่มโครงการ อิ่มบุญกับผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ ตั้งแต่ปี 2556 เพื่อนำเงินบริจาคพร้อมผลิตภัณฑ์สนับสนุนมูลนิธิรามาธิบดีฯผ่านโครงการอิ่มบุญกับเซอร์เทนตี้ ปีที่ 11 โดยมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท พร้อมผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่เซอร์เทนตี้ สมทบทุนโครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้ ซึ่งจะสนับสนุนในเรื่องค่ารักษา ค่ายา รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยสูงอายุยากไร้ ให้ได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีและมีประสิทธิภาพ
นอกจากเรื่องของการขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์แล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน คือการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วยยากไร้ โดยเฉพาะภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายครอบครัวประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้จำนวนผู้ป่วยยากไร้ ที่ต้องการความช่วยเหลือจากมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพิ่มขึ้นหลายพันคนต่อปี และมีผู้สูงอายุจำนวนมากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกินสิทธิค่ารักษาพยาบาลได้ ซึ่งบริษัทฯตระหนักถึงปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยในช่วงปีแรกๆ ของโครงการฯ เงินบริจาคจะมีส่วนช่วยสมทบทุนปรับปรุงพัฒนาอาคารและจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ เช่น จัดซื้อเครื่องไตเทียมให้กับโรงพยาบาลรามาธิบดี สมทบทุนซื้อเครื่องมือผ่าตัดข้อเข่าให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ จัดซื้อเครื่องตรวจหัวใจและอวัยวะภายในด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงให้กับสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เป็นต้น สำหรับผู้ป่วยยากไร้ และผู้ป่วยสูงอายุ
รศ.พญ.ฉัตรประอร งามอุโฆษ กรรมการบริหารและเลขานุการ มูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วยยากไร้ ส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้ผู้ป่วยที่ฐานะไม่ดีและต้องการความช่วยเหลือด้านการดูแลสุขภาพมีมากขึ้น ปัจจุบันมูลนิธิรามาธิบดีฯ ต้องใช้งบประมาณสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยยากไร้ประมาณ
130 ล้านบาทต่อปี แต่หากแบ่งเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุยากไร้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มูลนิธิฯ สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือกว่า 53 ล้านบาทต่อปี ซึ่งโรคที่ผู้ป่วยสูงอายุยากไร้เข้ารับการรักษามากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ โควิด-19 โรคทางจิตเวช โรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคที่เกี่ยวกับดวงตา โดยมูลนิธิรามาธิบดีฯ พยายามที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยกลุ่มนี้ และในทุกๆ กลุ่มให้ครอบคลุมมากที่สุด การที่บริษัทดีเอสจี เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ตลอดระยะเวลา 11 ปีนี้ ถือเป็นพันธกิจสำคัญของบริษัทฯ ในการช่วยเหลือสังคม โดยที่ผ่านมาได้มอบเงินบริจาคพร้อมผลิตภัณฑ์มากกว่า 14 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ มุ่งหวังยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยสูงอายุยากไร้ และผู้สูงอายุในประเทศไทย ได้รับการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ พร้อมมีสุขอนามัยที่ดี และยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการอิ่มบุญกับเซอร์เทนตี้ต่อไป