31.2 C
Thailand
เสาร์, มิถุนายน 14, 2025
spot_img

เลขาธิการคุรุสภา ต่อยอดองค์ความรู้ลุ่มลึกสู่นโยบาย เล็งนำผลงานครูที่ได้รับรางวัลของคุรุสภา ต่อยอดระดับนโยบาย-พื้นที่-โรงเรียน

“อมลวรรณ” เลขาธิการคุรุสภา ต่อยอดองค์ความรู้ลุ่มลึกสู่นโยบาย เล็งนำผลงานครูที่ได้รับรางวัลของคุรุสภา ต่อยอดระดับนโยบาย-พื้นที่-โรงเรียน เผยการประชุม KSP Webinar ปี 68 มีองค์ความรู้สมบูรณ์จ่อคิวเผยแพร่ได้เลย 44 เรื่อง

ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุุข” ของ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้นการสร้าง “ครูคุณภาพ” เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและมีความสุข ต่อยอดการพัฒนาคุุณภาพการศึกษาทุกระดับให้ทันสมัยได้มาตรฐานสากลอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว เพื่อให้เด็กไทย คนไทย ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ“ นั้น เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาความลุ่มลึกทางวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่โรงแรมริเวอร์ไซต์ กทม.

ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า คุรุสภา เดินหน้าสร้างครูเป็นผู้นำทางการศึกษา มีความสามารถทางวิชาการ และจริยธรรมสูง เพื่อช่วยกันสร้างคนไทยที่มีศักยภาพ ตามกรอบอำนาจหน้าที่ภายใต้ พรบ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ตามมาตรา 9(6) กำหนดว่าคุรุสภา ทำหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนยกย่องผดุงเกียรติวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้จัดประชุมผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาความลุ่มลึกทางวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2568

ซึ่งตนเห็นว่าที่ผ่านมาคุรุสภาได้ส่งเสริม สนับสนุน ยกย่อง และผดุงเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา โดยมอบรางวัลด้านต่างๆ ให้ แต่การนำผลงานที่ได้รับรางวัลไปสู่การพัฒนายังไม่ค่อยสมบูรณ์ เพราะเราอยากให้ครูที่ได้รับรางวัลเหล่านี้ซึ่งเป็นแม่แบบในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ครูรุ่นต่อไปได้รับทราบถึงความเป็นครูดี ครูเก่งที่อุทิศให้ลูกศิษย์และเป็นที่ยอมรับจากสังคมแท้จริงแล้วต้องทำอย่างไรใช้เวลาเท่าไรที่ออกมาเห็นเป็นรูปธรรมต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจแค่ไหน เพื่อครูรุ่นหลังจะได้สามารถนำไปปรับใช้กับตนเองได้

ดังนั้น ที่ประชุมซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการวิจัย เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพการศึกษา และด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จำนวน 23 คน รวมถึงสำนักพัฒนาและส่งเสริมวิชาชีพคุรุสภา ที่มีนางมณฑา แสงชัน ผอ. ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก จึงได้มารวบรวม คัดเลือก องค์ความรู้จากผลงานที่ได้รับรางวัลต่างๆของคุรุสภา และดูว่าทำอย่างไรให้รางวัลทั้งหลายนำไปสู่การต่อยอดใน 2 ระดับ คือ 1.ระดับนโยบาย และ2.ระดับพื้นที่และสถานศึกษา
“สำหรับระดับนโยบาย เช่น กระทรวงศึกษาธิการและคุรุสภา กำหนดให้มีการพัฒนาแต่ละกลุ่ม หรือ มีการสนับสนุนในพื้นที่ให้ไปปฏิบัติ เพราะเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าดี หรือครูที่จะนำไปประยุกต์ใช้เกิดความเชื่อมั่น และส่วนระดับพื้นที่และสถานศึกษา มีการผลักดันให้พื้นที่หยิบองค์ความรู้ที่สังเคราะห์มาแล้วเอาไปใช้ได้เลยด้วยการพัฒนาเป็นสื่อ ทำเป็นแอปพลิเคชัน หรือ นำไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับบริบทของสถานศึกษา ครู นักเรียน และเนื้อหาวิชา” เลขาธิการคุรุสภา กล่าว

ด้าน รศ.ดร.ทิวัตถ์ มณีโชติ ประธานกรรมการดำเนินการบริหารจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ในฐานะผู้ทรงวุฒิฯ กล่าวว่า ที่ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิ ได้รวบรวม คัดเลือก คัดกรององค์ความรู้จากผลงานที่ได้รับรางวัล ของคุรุสภาที่ผ่านการพิจารณา คัดกรอง และคัดสรรจากคณะกรรมการมาอย่างเข้มข้น เช่น รางวัลผลงานวิจัยของคุรุสภา ,รางวัลหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม ,รางวัลครูภาษาไทยดีเด่น ,รางวัลครูภาษาฝรั่งเศสดีเด่น ,รางวัลครูผู้สอนดีเด่น และ รางวัลคุรุสภา เป็นต้น โดยนำผู้ที่ได้รางวัลของแต่ละด้านมาสกัดองค์ความรู้เพื่อทำเป็น Knowledge Management (KM) หรือ การจัดการความรู้ สรุปหลอมรวมเป็นด้านๆ และเผยแพร่ เช่น องค์ความรู้ด้านนั้นๆมีการจัดการเรียนรู้ต้องเป็นลักษณะอย่างไร รวมถึงดูแนวโน้มโลกปัจจุบันของความเปลี่ยนแปลง เช่น เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ(AI) และ อะไรที่นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดได้ “เราจะไม่ตั้งรับให้ครูทำไปก่อนแล้วตามไปสนับสนุน แต่เราจะมองไปข้างหน้าและเมื่อไรที่คุรุสภาเห็นว่าทำได้เป็นรูปธรรมเราก็จะเข้าไปสนับสนุนเลย ครูจะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไรก่อน ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า “ครูเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและมีความสุข ต่อยอดการพัฒนาคุุณภาพการศึกษาทุกระดับให้ทันสมัยได้มาตรฐานสากลอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว”

รศ.ดร.ทิวัตถ์ มณีโชติ กล่าวต่อว่า สำหรับการคัดกรองรางวัลในปีนี้ คัดเลือกมาจำนวน 91 เรื่อง สังเคราะห์องค์ความรู้โดยแบ่งระดับความสมบูรณ์ขององค์ความรู้แล้ว มีกลุ่มที่เผยแพร่ได้เลยไม่ต้องไปเพิ่มเติมอะไร จำนวน 44 เรื่อง กลุ่มที่ต้องมาเพิ่มเติมองค์ความรู้ จำนวน 32 เรื่อง และ กลุ่มที่ยังไม่สมบูรณ์ จำนวน 15 เรื่อง ซึ่งจะมีการนำองค์ความรู้ไปเผยแพร่ในการจัดประชุมทางวิชาการของคุรุสภา ที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมทั้งเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆของคุรุสภา โดยให้ครูผู้ที่ได้รับรางวัลเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วยตนเองเป็นต้นแบบ ว่าทำอย่างไรถึงสำเร็จ ความเป็นครูดี ครูเก่ง เป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นการยกย่องและให้เกียรติครูอีกช่องทางหนึ่ง และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอด กระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจกับผู้อื่น เช่น ครู สถานศึกษา นักเรียน ผู้ปกครองมีความภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามปลายทางของคุรุสภาที่ทำในการยกย่องให้เกียรติครูเพื่อส่งผลต่อผู้เรียนเป็นหลัก รางวัลต่างๆเหล่านี้นำไปใช้เกิดผลต่อผู้เรียนอย่างไรนี่คือสิ่งสำคัญไม่ใช่เฉพาะผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แต่ดูผลสัมฤทธิ์ด้านชีวิตเขาด้วย

รศ.ทิวัตถ์ ยังกล่าวถึงสังคมภายนอกมองภาพลักษณ์ขององค์กรด้านครูไม่ค่อยดีและจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างไรว่า ในส่วนของคุรุสภาทำนั้นคือการบริหารจัดการมันเป็นเรื่องกฎหมายข้อบังคับที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะยึดถือปฏิบัติ ไม่เฉพาะสังกัดกระทวงศึกษาธิการเท่านั้นแต่รวมสังกัดอื่นๆด้วย และสิ่งที่คุรุสภาทำคือการยกย่อง สนับสนุน เชิดชู เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเรียกความเชื่อมั่น แต่อาจไม่ค่อยสดุดใจคนภายนอกหรือมองเห็นเท่าที่ควร ตนยอมรับว่าการทำให้สังคมเชื่อมั่นเห็นผลโดยเร็วค่อนข้างยาก เพราะมี2ปัจจัยเกี่ยวข้อง คือทำแล้วไม่ได้เป็นสิ่งใหม่มากๆ กับปัจจัยภายนอกที่เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นเรื่องดีอาจมีผลเสียบาง เช่น ตำแหน่ง ความก้าวหน้า วิทยะฐานะ มีข้อกำหนดว่าต้องทำไม่ซ้ำกับคนอื่น การจะเอาของคนอื่นมาดัดแปลงมันต้องหาวิธีใหม่ๆซึ่งมันค่อนข้างยากสำหรับคนไทย เพราะคนไทยเราไม่ได้ฝึกหัดคิดนอกกรอบ คนที่อยู่นระเบียบกฎเกณฑ์กำหนด คิดนอกรอบไม่ค่อยได้ ครูก็ต้องฝึกเด็กของตนเองให้คิดนอกกรอบ แต่ทำอย่างไรให้เขาไม่ก้าวร้าว การคิดแบบเชิงวิพากษ์แบบมีเหตุมีผลซึ่งเป็นการคิดแบบขั้นสูงและเป็นเรื่องสำคัญมากที่ครูควรนำไปปฏิบัติ

ด้านดร.สุดา สุขอ่ำ รองเลขาธิการคุรุสภา ในฐานะผู้จัดการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาความลุ่มลึกทางวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2568 กล่าวถึงผลการดำเนินงานภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและบริหารจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ว่า ที่ผ่านมา ได้มีการส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ในการประชุมทางวิชาการของคุรุสภา (KSP Webinar) ประจำปี 2567 มีผู้เข้าร่วม จำนวน 292,129 คน มีองค์ความรู้สำหรับเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆของคุรุสภา จำนวน 139 เรื่อง และมีคลิปวิดีโอการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ องค์ความรู้เพื่อพัฒนาความลุ่มลึกของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จำนวน 29 ตอน ซึ่งจะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้ฯ ทำให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ที่จัดการอย่างเป็นระบบ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้แวดวงวิชาชีพทางการศึกษาเกิดสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง

บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisment -spot_img

บทความยอดนิยม

- Advertisment -spot_img

ความคิดเห็นล่าสุด

- Advertisment -spot_img