32.2 C
Thailand
ศุกร์, กันยายน 5, 2025
spot_img

จุฬาฯ–สภากาชาดไทย ผนึกกำลังพัฒนายาชีววัตถุระดับอุตสาหกรรม เริ่มต้นจากยาต้านมะเร็งปอด เสริมความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสภากาชาดไทยร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางการวิจัยและพัฒนา     เพื่อผลักดัน โครงการวิจัยและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีในระดับอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการรักษาโรคสำคัญของประเทศ ได้แก่ พิษงูเห่าและมะเร็งปอด

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 ณ ห้อง 202 อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชรอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายเตช บุนนาคเลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูงจากทั้งสององค์กรร่วมเป็นสักขีพยาน ร่วมด้วยคณะนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และสภากาชาดไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมในพิธี

ความร่วมมือครั้งนี้เกิดจากการผสานศักยภาพของทั้งสององค์กรอย่างแท้จริง โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและการวิจัยทางคลินิก มีนักวิจัยหลากหลายสาขาที่สามารถพัฒนาโมเลกุลต้นแบบและทดสอบประสิทธิภาพเชิงชีวภาพได้อย่างครอบคลุม ขณะที่สภากาชาดไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีการผลิตส่วนประกอบโลหิต วัคซีนและยาชีววัตถุในระดับอุตสาหกรรม รวมถึงบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตระดับสากล เมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน จึงเกิดเป็นระบบนิเวศนวัตกรรมที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมตั้งแต่การวิจัย การพัฒนา ไปจนถึงการผลิตและการนำไปใช้จริง

โครงการนำร่องภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้ออุบัติซ้ำและอุบัติใหม่ และโมโนโคลนอลแอนติบอดี สำหรับยาต้านมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดที่มีความจำเพาะสูง ซึ่งเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก และยังขาดแคลนทางเลือกในการรักษาที่เข้าถึงได้ ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศ แต่ยังเป็นการยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในการพัฒนายาชีววัตถุด้วยตนเอง สร้างความมั่นคงทางสุขภาพในระยะยาว และเปิดโอกาสให้เกิดการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ตอบโจทย์สาธารณสุขไทยในอนาคต

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสภาาชาดไทยมีการทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน พิธีลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการประกาศความร่วมมือกันในโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุซึ่งเป็นโครงการระยะยาวที่มีผลกระทบต่อเรื่องสุขภาพ จุฬาฯ มีทั้งคณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะสหเวชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพ โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการสูญเสียชีวิตของคนไทยเป็นอันดับหนึ่ง เราต้องการงานวิจัยในเชิงของการป้องกัน โดยโครงการนำองคือยาต้านมะเร็งปอด รวมถึงงานวิจัยในเรื่องวัคซีนต่าง ๆ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการวิจัยและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุ นอกจากการเสริมสร้างสุขภาวะของประชาชนแล้ว ยังตอกย้ำบทบาทของทั้งสองสถาบันในการพัฒนางานวิจัยและสร้างนวัตกรรมที่ส่งผลเชิงรูปธรรมต่อคุณภาพชีวิตและความสุขของประชาชนไทยในระยะยาว โดยจุฬาฯ และสภากาชาดไทยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ทำให้งานวิจัยและนวัตกรรมของไทยมีความก้าวล้ำนานาอารยประเทศ และที่สำคัญคือการช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรงและอายุยืนยาวมากยิ่งขึ้น

นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า การดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนถือเป็นพันธกิจสำคัญที่สภากาชาดไทยดำเนินงานภายใต้หลักการกาชาดสากลมาโดยตลอด ยาและวัคซีนที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานเป็นหัวใจของการป้องกันและรักษาโรค ซึ่งสภากาชาดไทย โดยเฉพาะสถานเสาวภาและศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติมีบทบาทหลักในการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการรักษาโรคมาอย่างยาวนาน ซึ่งที่ผ่านมางานวิจัยและเทคโนโลยีมักเป็นของต่างชาติ ปัจจุบันนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ไทยสามารถวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุที่เป็นนวัตกรรมของไทย เพื่อการพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งเป็นความมั่นคงทางยาของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โลกเผชิญความท้าทายจากโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ ความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะช่วยต่อยอดองค์ความรู้และยกระดับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นการผนึกกำลังที่ทรงคุณค่า เพื่อผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุที่ได้มาตรฐานสากล สามารถเข้าถึงได้จริง และตอบโจทย์สุขภาพของคนไทย   ทุกคน

บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisment -spot_img

บทความยอดนิยม

- Advertisment -spot_img

ความคิดเห็นล่าสุด

- Advertisment -spot_img