28.7 C
Thailand
ศุกร์, ตุลาคม 17, 2025
spot_img

ดีป้า ผนึกกำลัง เอ็น.ซี.ซี. และ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต เตรียมจัด Thailand Smart City Expo 2025 และ Secutech Thailand 2025 หนุนไทยเป็นศูนย์กลางเมืองอัจฉริยะอาเซียน คาดสร้างรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท

 

วันที่ 16 ตุลาคม 2568, กรุงเทพมหานคร – ดีป้า ร่วมกับ เอ็น.ซี.ซี. และ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต เตรียมจัดใหญ่มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ‘Thailand Smart City Expo 2025’ และงานแสดงเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและการป้องกันอัคคีภัย ‘Secutech Thailand 2025’ ระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤศษจิกายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดมีผู้สนใจเข้าชมงานกว่า 15,000 คน

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ มร.อิสราเอล โกโกล ผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต (ฮ่องกง) จำกัด สาขาไต้หวัน ร่วมแถลงข่าวความพร้อมการจัดงาน ‘Thailand Smart City Expo 2025’ มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่มาพร้อมแนวคิด Activating Smart Cities, Elevating Smart Living: การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน และงาน ‘Secutech Thailand 2025’ งานแสดงเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและการป้องกันอัคคีภัย ซึ่งทั้งสองงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤศจิกายนนี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผศ.ดร.ณัฐพล เปิดเผยว่า ปัจจุบันการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทยก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดมีเมืองส่งข้อเสนอแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะมายังสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทยแล้วกว่า 210 เมือง โดยในจำนวนนี้ผ่านการรับรองแผนพัฒนาฯ แล้ว 37 เมือง ครอบคลุม 25 จังหวัดทั่วประเทศ ส่วน 173 เมืองที่เหลืออยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่า ปี 2568 – 2572 จะสามารถยกระดับเมืองเดิมน่าอยู่ และสร้างเมืองใหม่อัจฉริยะได้ไม่น้อยกว่า 105 เมืองทั่วประเทศ

ทั้งนี้ จากความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนที่ผ่านมาส่งผลให้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะในพื้นที่ต้นแบบ 37 เมือง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 11,900 ล้านบาท เกิดโครงสร้างด้านดิจิทัลที่เข้มแข็ง และยังช่วยยกระดับทักษะกำลังคนดิจิทัล สร้างอาชีพใหม่ในภาคเทคโนโลยี และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากภายในท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนที่เกิดขึ้นจริงในระดับพื้นที่

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ดีป้า ยังมีกลไกอื่นที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ Smart Living และ Smart Living Plus โดยการส่งเสริมให้ท้องถิ่นทั่วประเทศสามารถเข้าถึงและนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการสร้างรายได้และดำรงชีวิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาตรการ depa mini Transformation Voucher ภาครัฐ มาตรการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐท้องถิ่นเกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในการบริหารจัดการและให้บริหารประชาชน โครงการ Smart City Accelerator โครงการบ่มเพาะเมืองต้นแบบและผู้ประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัลที่พร้อมต่อยอดโซลูชันสู่พื้นที่จริง และบัญชีบริการดิจิทัล (Thailand Digital Catalog) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน dSURE ในราคาที่เป็นธรรม โปร่งใส และรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

“สำหรับงาน Thailand Smart City Expo 2025 จะเป็นเวทีสำคัญในการรวมพลังความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของเมืองอย่างแท้จริง อีกทั้งเปรียบเสมือนเวทีที่รวมรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลกเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเต็มรูปแบบ และปีนี้ยังได้จัดร่วมกับงาน Secutech Thailand ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างยิ่งขึ้น โดย ดีป้า เชื่อมั่นว่า งานครั้งนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเร่งพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มในทุกมิติ อีกทั้งผลักดันให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเมืองอัจฉริยะของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ด้าน นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า การจัดงาน Thailand Smart City Expo หรืองานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ได้รับการสนับสนุนการจัดงานจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมผลักดันนโยบายภาครัฐในการสร้างเมืองอัจฉริยะได้อย่างสมบูรณ์แบบและสร้างโอกาสทางธุรกิจได้มหาศาล

ในปีนี้ งาน Thailand Smart City Expo ถือเป็นครั้งแรกที่ได้จัดควบคู่กับงาน Secutech Thailand หรืองานแสดงเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและการป้องกันอัคคีภัย โดย บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต (ฮ่องกง) จำกัด สำนักงานไต้หวัน โดยทั้งสองงานนี้จะรวมพลังสร้าง Synergy ในการดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน ทั้งผู้แสดงสินค้าและกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมาย ได้มาร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้มีความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย และใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ และสอดรับความต้องการในการเตรียมความพร้อมและป้องกันอุบัติภัยและสาธารณภัยที่ใกล้ตัวและทวีความรุนแรงขึ้นในทุก ๆ ปี

การจัดงานในครั้งนี้จะใช้พื้นที่ส่วนแสดงเพิ่มขึ้นอีกกว่า 80% เพื่อรองรับการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดกว่า 800 รายการ รวมถึงเป็นเวทีองค์ความรู้โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานชั้นนำที่จะมาร่วมอัพเดต และแลกเปลี่ยนแนวคิดในสัมมนารวมกว่า 80 หัวข้อตลอด 4 วัน ซึ่งคาดว่าการจัดงานครั้งนี้จะต้อนรับผู้เข้าชมงานจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศกว่า 15,000 ราย และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท รวมทั้งจะช่วยระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งสามารถนำกลับไปประยุกต์ใช้เป็นต้นแบบเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน รวมไปถึงมูลค่าการเจรจาธุรกิจที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้มหาศาล

ขณะที่ มร.อิสราเอล กล่าวว่า การจัดงาน Secutech Thailand 2025 ในครั้งนี้ถือเป็นปีแรกที่ได้ร่วมมือกับ เอ็น.ซี.ซี. และได้ร่วมในการจัดงาน Smart City Expo ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับผู้เข้าชมงานและผู้จัดแสดงสินค้าของทั้งสองงาน

ทั้งนี้ การจัดงาน Secutech Thailand 2025 เปรียบเสมือนเวทีนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและการป้องกันภัย ที่จะช่วยส่งเสริมการสร้างและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยวิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับความปลอดภัยและการพัฒนาเมือง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการจราจรอัจฉริยะ สาธารณูปโภคอัจฉริยะ หรือบริการสาธารณะอัจฉริยะ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีรากฐานด้านความปลอดภัยและความมั่นคงร่วมกัน

ในฐานะบริษัทข้ามชาติ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต ได้ดำเนินกิจการในเอเชียมานานกว่า 30 ปี โดยส่งเสริมการค้าและการสร้างเครือข่ายในหลากหลายอุตสาหกรรม เรามองประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นเจ้าภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตอีกด้วย เรามีความมั่นใจอย่างยิ่งในศักยภาพของประเทศไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อความร่วมมืออันทรงคุณค่ากับ เอ็น.ซี.ซี. และสร้างโอกาสอีกมากมายเพื่อนำเสนองานระดับโลกสู่ภูมิภาคนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisment -spot_img

บทความยอดนิยม

- Advertisment -spot_img

ความคิดเห็นล่าสุด

- Advertisment -spot_img